จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2926

สรุปบท ตอนที่ 2926 ด้อยกว่าเล็กน้อย: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 2926 ด้อยกว่าเล็กน้อย – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2926 ด้อยกว่าเล็กน้อย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2926 ด้อยกว่าเล็กน้อย
“ผ…ผ่านด่านแล้ว!”

มันไม่มีเสียงแตกตื่นฮือฮาใดๆ ในตอนนี้มีเพียงแค่ความเงียบงัน

เพราะจนตอนนี้หลายๆ คนก็ยังไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้า

โถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบนั้นไม่เคยจะมีใครผ่านด่านนี้มาได้

แต่วันนี้มันมีคนผ่านแล้ว!

ไม่มีใครคิดว่าเต๋าอย่างเย่หยวนนั้นกลับจะสร้างตำนานขึ้นมาในที่สุด!

ผ่านด่าน!

“นี่มันผ่านด่านจริงๆ! เขา…ทำได้อย่างไรกัน?”

“ยังมีหน้ามาบอกว่าเผลอ…เจ้าบ้านี่มันจะถ่อมตัวไม่เป็นเลยหรือ!”

“ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าฉินซื่อเถียนนั้นเก่งกาจมากแล้ว แต่เทียบกับเย่หยวนแล้วเขาเป็นได้เพียงแค่เศษดิน!”

“ได้เห็นคนผ่านด่านกับตาเช่นนี้ชีวิตข้าไม่เสียเปล่าแล้ว!”

จู่ๆ คนทั้งหลายก็เริ่มได้สติและโห่ร้องขึ้นมา!

เส้นทางคุมวิญญาณนั้นมันไม่เคยมีใครผ่านมาได้ก่อนเลย!

บ้างนั้นตื่นเต้นจนน้ำตาไหลออกมา

ได้เห็นปาฏิหาริย์กับตาเช่นนี้มันย่อมจะนับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก

เรื่องเช่นนี้เอาไปโม้ได้อีกเป็นหมื่นปี

ความอับอายใดๆ ก่อนหน้ามันได้จางหายไปจากใจของคนสิ้น

มันยังมีอะไรให้ต้องอายอีก?

ผู้เข้าทดสอบหลายคนนั้นยึดถือเย่หยวนเป็นดั่งเทพก้มกราบเขาไปแล้ว

คนเรานั้นเป็นเช่นนี้ ใครที่เก่งกาจกว่าเล็กน้อยนั้นมันย่อมจะทำให้ผู้คนเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาได้

แต่หากเมื่อเก่งกาจกว่ามากล้ำจนเกินไปแล้ว ความอิจฉาริษยาใดๆ มันก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง

ความรู้สึกเดียวที่เหลือคือชื่นชม!

มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นมองดูเย่หยวนและหันมามองดูหน้าฉินซื่อเถียนพร้อมกับถอนหายใจ

เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงสายตานั้นเขาก็แทบอยากจะตายลงไปให้สิ้นเสียตรงนี้

ยิ่งเมื่อสักครู่นั้นเขายิ่งใหญ่แค่ไหน ตอนนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาอับอายมากเท่านั้น

ความภาคภูมิของเขานั้นมันเป็นได้แค่หินให้เย่หยวนเหยียบ

สำหรับยอดอัจฉริยะแล้วมันไม่มีอะไรจะน่าอายไปกว่านี้

“ซีเฉิน หากข้าจำไม่ผิดช่วงสามหมื่นปีที่ผ่านมานั้นมันคงมีแต่เจ้าโลกฟู่เทียนท่านที่ผ่านด่านนี้ได้ใช่หรือไม่?” มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางถามขึ้นมา

มหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินตอบกลับมาด้วยท่าทางตกตะลึงเช่นกัน “ใช่แล้ว! ที่โถงวิญญาณนิพพานรบวารีกลายเป็นหนึ่งในสิบโถงวิญญาณนิพพานที่ใหญ่ที่สุดก็เพราะว่าเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน! ไม่คิดเลยว่าเราเองจะมีโอกาสนี้ด้วย!”

แต่มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นกลับถอนหายใจยาวออกมา “น่าเสียดายที่เขานั้นสุดท้ายก็แค่เก้ารูป เทียบกับเจ้าโลกฟู่เทียนท่านแล้วมันยังอ่อนแอกว่ามาก!”

ซีเฉินกล่าวขึ้นต่อ “ก็จริง ตอนที่เจ้าโลกฟู่เทียนท่านผ่านเส้นทางคุมวิญญาณในตอนนั้นท่านได้พัฒนาร่างวิญญาณสวรรค์ทรราชขึ้นมาพร้อมสิบรูป! จากนั้นท่านก็ใช้พลังของร่างวิญญาณสวรรค์ทรราชนั้นผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดกลายเป็นเจ้าโลกในที่สุด! เย่หยวนนั้นจะอย่างไรก็อ่อนแอกว่าท่านไปไม่น้อย!”

“ความแตกต่างแค่ปลายเส้นผมมันอาจจะสร้างช่องว่างนับหมื่นกิโลเมตรได้! ต่อให้จะเป็นเก้ารูปแต่คิดอยากขึ้นเจ้าโลกมันคงไม่ง่ายดายแล้ว!” ซีเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเสียดาย

หากไม่ถึงเจ้าโลกแล้วผลสุดท้ายมันก็คงจบแค่ที่ระดับพวกเขา

เพราะต่อให้จะเก่งกาจกว่าพวกเขาไปมาก แต่สุดท้ายมันก็จะยังเป็นแค่มหาจักรพรรดิล้ำในที่สุด

มิได้กลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง

มีเพียงแค่การบรรลุเจ้าโลกเท่านั้นที่จะเรียกได้ว่าเป็นการผงาดขึ้นอย่างแท้จริง

มันเป็นการก้าวสู่สวรรค์ด้วยย่างก้าวเดียว!

เพราะฉะนั้นต่อให้เย่หยวนจะเก่งกาจแค่ไหน…ในท้ายสุดแล้วมหาจักรพรรดิตงหยางก็ต้องเสียดายสุดใจขึ้นมา

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องผงะไป

ที่แท้มันกลับยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย!

ฉินซื่อเถียนนั้นเริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง

มันยังมีด่านที่สามอยู่มิใช่หรือ?

เย่หยวนทำได้ เขาก็ย่อมจะทำได้เช่นกัน!

‘ใครกำหนดเล่าว่าข้า ฉินซื่อเถียนคนนี้จะไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้?’

บนสนามรบเจาะชาดนั้นเขาเองก็ผ่านจังหวะเฉียดตายมามาก

กี่ครั้งแล้วที่เขารอดกลับมาจากนรก กี่ครั้งแล้วที่เขาพลิกสถานการณ์กลับอย่างไม่หวาดหวั่น?

ครั้งนี้เองก็เช่นกัน!

ฉินซื่อเถียนนั้นจะขอสู้สุดชีวิต!

คิดมาถึงตรงนี้ฉินซื่อเถียนก็คุกเข่าลงต่อหน้ามหาจักรพรรดิล้ำตงหยาง “อาจารย์ท่าน รอบที่สามนี้ศิษย์จะพลิกสถานการณ์กู้หน้ากลับมาให้ได้!”

มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นเห็นได้ถึงความมุ่งมั่นใจสายตาของฉินซื่อเถียน

นี่มันคือความหนักแน่นที่เกิดขึ้นจากสนามรบเจาะชาด

ฉินซื่อเถียนนั้นแทบต้องสำลักออกมาเมื่อได้ยิน เขารู้สึกเหมือนตัวเองเอาหมัดไปต่อยเมฆ

หากเย่หยวนต่อล้อต่อเถียงกลับมาเขาก็คงจะยิ่งไฟลุก

แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไร?

เตาหลอมวิญญาณนั้นมันคือสมบัติโกลาหลศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างมาก!

แน่นอนว่าเตาหลอมวิญญาณจริงๆ นั้นมันย่อมจะไม่ได้อยู่ในโถงวิญญาณนิพพาน

สิ่งนี่เป็นแค่ภาพที่ฉายขึ้นมาจากของจริงเท่านั้น

ในด่านที่สามนั้นคือเตาหลอมวิญญาณ

ซึ่งชาววิญญาณที่เข้าไปภายในจะได้รับการตีหลอมจากไฟเจ็ดต่อเจ็ด สี่สิบเก้าเต๋าไฟ!

เต๋าไฟทั้งสี่สิบเก้าแบบนั้นมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ!

หากคนผู้นั้นสามารถผ่านเต๋าไฟไปได้เจ็ดอย่างแล้วมันก็จะถือว่าผ่านการทดสอบไป

ครั้งนี้เองก็เหมือนๆ กับการทดสอบด่านก่อน มันเป็นการทดสอบที่สามารถพัฒนาตัวเองได้มากมายเช่นกัน

การตีหลอมจากเต๋าไฟนั้นมันเป็นอะไรที่อันตรายต่อร่างวิญญาณมาก

แต่ว่าเทพแท้ไม่กลัวไฟ การตีหลอมและคืนชีพขึ้นมาในเต๋าไฟนั้นมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของรอบนี้

บางคนนั้นเข้าเตาหลอมไปแล้วและร่างกายของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

พร้อมกับลุกผงาดขึ้นจากเถ้ากลายเป็นยอดคนในที่สุด

หลังจากด่านทดสอบทั้งสองนั้นตอนนี้คนที่ยังมีสิทธิ์ทดสอบด่านสามมันเหลือเพียงแค่เก้าสิบเจ็ดคนแล้ว!

หลังจากผ่านด่านสามนี้ไปมันก็จะถือว่าพวกเขาได้เข้าเป็นศิษย์โถงวิญญาณนิพพานจริงๆ

แต่ว่าด่านสามนี้เองมันคือจุดที่อันตรายที่สุด

เพราะว่ามันไม่มีการถอนตัวในด่านนี้!

คนที่เข้าไปแล้วจะต้องรับเจ็ดเต๋าไฟไว้ให้ได้!

และเตาหลอมวิญญาณถึงจะเปิดขึ้นมาอีกครั้งให้พวกเขาได้ออกมาสู่โลกภายนอก

ไม่สำเร็จก็มีแต่ต้องตาย!

“ข้าจะขอเตือนอีกครั้งว่าเต๋าไฟในเตาหลอมวิญญาณนั้นมันมิใช่เต๋าไฟทั่วๆ ไป! เต๋าไฟเจ็ดต่อเจ็ด สี่สิบเก้ารูปแบบนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเต๋าไฟโกลาหล! เผ่าวิญญาณเรานั้นทุ่มกำลังไปมากมายกว่าที่จะรวบรวมมันมาได้! แน่นอนว่าเต๋าไฟของจริงย่อมจะอยู่กับเตาหลอมวิญญาณของจริง แต่ถึงมันจะเป็นแค่ภาพฉาย พวกเจ้าก็อย่าได้ประมาทไป ตอนนี้ใครคิดจะถอนตัวไปก็ยังถอนตัวได้! ไม่เช่นนั้นหากเข้าเตาหลอมวิญญาณไปแล้ว พวกเจ้าจะไม่อาจออกมาได้จนกว่าจะผ่านการทดสอบ!” มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางประกาศ

……………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ