จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2950

ตอนที่ 2950 เยี่ยมมากหวางเฉียน!

“หวางเฉียน เจ้ามันอ่อนแอนัก!”

“สู้กลับหน่อยสิ! เจ้าไม่มีแม้แต่แรงจะสู้กลับแม้แต่น้อยเลยหรือ?”

“เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนตัวร้ายที่ได้พลังใหม่มาครอง ตอนนี้มันกลับเป็นได้แค่พลังคำโม้แล้ว!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นไป๋ชุยซานยังคงซัดกระบวนท่าใส่หวางเฉียนไม่ยั้งมือ

คนทั้งหลายนั้นต่างต้องผงะไปเมื่อได้เห็นมัน

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือล้ำความเข้าใจไปสิ้นเชิง!

หวางเฉียนนั้นมีพลังของคลื่นกำเนิดแต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ถึงแม้พลังที่ไป๋ชุยซานแสดงออกมานั้นจะแข็งแกร่งก็จริง

ซึ่งทีแรกคนทั้งหลายต่างก็คิดว่ามันคงกลายเป็นศึกนองเลือดของทั้งสองฝ่ายแน่แล้ว

ใครจะไปคิดว่ามันกลับกลายเป็นการกระทืบฝ่ายเดียวเช่นนี้!

หากมิใช่เพราะพลังคลื่นกำเนิดแล้ว หวางเฉียนมันคงได้ตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

มันมิใช่ว่าคลื่นกำเนิดของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นอ่อนแอแต่มันเป็นเพราะว่าหวางเฉียนนั้นเพิ่งจะได้รับพลังไปไม่นานและยังไม่อาจจะดึงพลังของมันออกมาใช้ได้อย่างจริงจัง

และไป๋ชุยซานนั้นเองก็เป็นฝ่ายที่บ่มเพาะร่างวิญญาณไปอย่างหนักหน่วงและเข้าถึงแก่นของเจดีย์เจ็ดสีได้อย่างแท้จริง

ในหกชั้นที่ผ่านมานี้แม้ว่าเขาจะแค่ฝึกฝนการเปลี่ยนร่างเป็นหมอกเต๋าต่างๆ

แต่ว่าร่างวิญญาณของไป๋ชุยซานนั้นก็ยังได้รับการตีหลอมขึ้นมาใหม่อย่างดี

ใช่แล้ว ร่างหมอกนั้นเองมันก็สามารถฝึกฝนบ่มเพาะได้!

ยิ่งร่างหมอกนั้นแข็งแกร่งเท่าไหร่มันก็ยิ่งยากที่จะสังหารลงเท่านั้น!

ต่อให้จะเป็นร่างวิญญาณกึ่งอมตะเหมือนๆ กันแต่มันก็มีความแตกต่างกันได้มาก

ปัง!

วิชาธาตุดินนั้นกระแทกออกมาจนกดหัวหวางเฉียนลงกับดินไป

ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะพูดใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ไป๋ชุยซานนั้นหยุดมือลงและเดินกลับมาหาเย่หยวนก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น “ที่แท้แล้วร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันกลับยังต้องบ่มเพาะฝึกฝนเช่นนี้! ข้าได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมเจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านถึงได้รับฉายาว่าผู้อมตะ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านนั้นไม่ใช่ว่าอมตะแต่ท่านนั้นแค่ยากที่จะสังหารเกินกว่าใครๆ เท่านั้น! วันหน้าหากท่านไปถึงจุดนั้นได้แล้วท่านก็คงสามารถจัดการเจ้าโลกคนอื่นๆ ลงได้อย่างไม่ยากเย็นแน่!”

ได้ยินเช่นนั้นไป๋ชุยซานก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา

พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยความซาบซึ้ง

เหตุผลที่เขาทำได้เช่นนี้มันเพราะว่าเย่หยวนทั้งสิ้น!

ตอนนี้เส้นทางสู่ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขามันเปิดขึ้นมาชัดเจนแล้ว ตอนนี้เขาสามารถเริ่มบ่มเพาะฝึกฝนต่อไปได้อย่างไม่ต้องงมหาทางอีกต่อไป

เท่านี้อนาคตของเขามันก็สดใสขึ้นไปอย่างไม่มีจำกัด

คนอื่นๆ นั้นได้แต่ต้องหันมามองดูไป๋ชุยซานอย่างอิจฉาถึงที่สุด!

เป็นตอนที่ได้เห็นวิชาฝีมือของไป๋ชุยซานนี้เองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเจดีย์เจ็ดสีนี้

มันคือวรยุทธบ่มเพาะที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยทิ้งไว้ให้แก่ผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะนั่นเอง!

ที่สำคัญมันยังเป็นการสั่งสอนที่ไม่ได้จับมือทำ ทำให้คนที่เข้ามาฝึกฝนนั้นยังสามารถสร้างเต๋าของตัวเองเพื่อเดินหน้าต่อไปได้

ได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่ากว่าที่เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นจะสร้างเจดีย์นี้ขึ้นมาได้

ท่านคงต้องเอาวรยุทธบ่มเพาะมากมายมาหล่อหลอมและสร้างมันขึ้นมาเป็นสมบัติโกลาหลสวรรค์ชิ้นนี้!

ตอนนี้ห้วงมิติทั้งเจ็ดชั้นนั้นมันจางหายไปทำให้พวกเขาไม่อาจจะกลับไปบ่มเพาะใดๆ ได้อีก

เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ตั้งใจบ่มเพาะมาแต่แรกนั้นจะได้ประโยชน์จากเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงเป็นเย่หยวนและไป๋ชุยซานที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าเจดีย์เจ็ดสีนี้ไปมากที่สุด!

ไป๋ชุยซานนั้นเก่งกาจขนาดนี้แล้วเย่หยวนที่บ่มเพาะจนถึงที่สุดของทุกชั้นนั้นจะต้องเก่งกาจแค่ไหน?

พวกเขานั้นไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ในตอนนี้พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องเสียใจคิดอยากจะกลับไปฝึกฝนต่อเหมือนไป๋ชุยซาน

เว้นเสียแต่ว่ามันไม่มียาอะไรให้รักษาความเสียใจภายหลังได้!

แถมบนพื้นดินนั้นก็มีร่างของหวางเฉียนที่นอนหมดแรงอยู่

มันช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชนัก!

“เจ็ดชั้นมิติหายไปแล้ว! แผนของเราสำเร็จแล้วจริงๆ!” ซานหยางนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เมื่อเจ็ดชั้นมิติหายไปแล้วมันก็ย่อมหมายความว่ามีใครได้พลังคลื่นกำเนิดไปครองแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ