จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1001

เป่ยหมิงฉี่เลิกคิ้วมองมา “เจ้าอยากให้ข้าตอบแทนอย่างไร”

“ยกพื้นแผ่นดินของแคว้นเป่ยลี่สักครึ่งหนึ่งมาเสียก่อน แล้วก็ม้าหลายแสนตัว และแก้วแหวนเงินทองแสนกล่องด้วย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดอย่างไม่เกรงใจ

เป่ยหมิงฉี่กลอกตาทันที “เจ้าไปปล้นดีกว่าไหม”

“เจ้าเป็นฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยลี่ ชีวิตของเจ้ายังสู้พวกของนอกกายต่ำต้อยเหล่านี้ไม่ได้หรือ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ย้อนถาม

“ยกม้าและแก้วแหวนเงินทองให้เจ้าก็ได้ แต่ยกพื้นแผ่นดินไม่ได้ แคว้นเป่ยลี่สถาปนาขึ้นด้วยชีวิตและเลือดของบรรดาทหารของแคว้นเป่ยลี่ จะไม่ยกให้เจ้าแม้แต่น้อย” เป่ยหมิงฉี่แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา

“ขี้เหนียวเชียวเลย ไม่แกล้งเจ้าแล้ว เจ้าแค่ดูแลรั่วเฟิงซีและเด็กน้อยก็พอแล้ว ข้าไม่ต้องการอย่างอื่น แคว้นเทียนจิ่วของข้ามีดินแดนกว้างใหญ่และมีทรัพยากรที่สมบูรณ์ ใครจะไปสนใจของที่ไร้ค่าของเจ้าล่ะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก

“ข้าจะรักใคร่และดูแลฮองเฮาของข้าเป็นอย่างดี เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล” เป่ยหมิงฉี่ตอบ

“งั้นก็ดีแล้ว ตอนนี้สารพิษที่อยู่ร่างของเข้าถูกถอนออกมาแล้ว เจ้าไปสั่งคนเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มและวางไว้ในบอลลูนอากาศร้อน ข้ายังต้องไปเที่ยวภูเขาเที่ยวแม่น้ำกับเสด็จอาเก้าเลย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูด

“ได้ ข้าจะสั่งคนไปเตรียมเดี๋ยวนี้” เป่ยหมิงฉี่ออกคำสั่งทันที

“เซวียนเอ๋อร์ สุขภาพของฝ่าบาทยังไม่หายดี เจ้าและเซ่อเจิ้งอ๋องค้างอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันดีไหม” รั่วเฟิงซีถามอย่างกังวลใจ

“ไม่จำเป็นหรอก สุขภาพของเขาแข็งแกร่งราวกับวัว เพียงแค่ถูกพิษจึงอ่อนแออยู่ พักผ่อนสักสองสามวันและกินอาหารบำรุงร่างกายเยอะๆก็จะหายดีอย่างแน่นอน เขาก็ได้กินยาถอนพิษของหยุนถิงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพิษที่รุนแรงแค่ไหนก็คงถอนออกมาแล้ว วางใจเถอะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อธิบาย

“งั้นก็ดี” รั่วเฟิงซีถึงได้รู้สึกโล่งใจ

เป่ยหมิงฉี่รีบสั่งคนไปเตรียมอาหารมากมายหลายชนิดเต็มโต๊ะ เริ่นเซวียนเอ๋อร์และกู้จิ่วเยวียนกินจนอิ่มดื่มจนพอถึงขึ้นบอลลูนอากาศร้อน

เป่ยหมิงฉี่ไปอำลาพวกเขาด้วยตนเอง เมื่อเห็นบอลลูนอากาศร้อนบินขึ้นอากาศ ในใจของเป่ยหมิงฉี่ก็เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เมื่อพวกเขาได้บินออกไปไกล เขาก็รีบไปเขียนจดหมายถึงหยุนถิง และสั่งให้คนส่งมันไปให้อย่างเร่งด่วน

“ฝ่าบาท สารพิษเพิ่งถอนออกมาไม่นาน ควรพักผ่อนให้มากขึ้น” รั่วเฟิงซีพูดอย่างเอาใจใส่

“ช่วงนี้ลำบากเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าตื่นแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอีก พักผ่อนให้ดีๆเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็อยู่ที่นี่!” เป่ยหมิงฉี่มองเบ้าตาคล้ำของรั่วเฟิงซี และพูดอย่างทุกข์ใจ

“ฝ่าบาททรงปลอดภัย หม่อมฉันก็สบายใจแล้ว”

…………………………

ณ แคว้นต้าเยียน ตระกูลหยุน

แม่ว่าหยุนซูเป็นลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา แต่นางก็เป็นน้องสาวของหยุนถิงด้วย บรรยากาศของทั่วตระกูลหยุนสนุกสนานร่าเริงอย่างเต็มที่ มีคนมากมายมาส่งของขวัญทุกวัน

ณ ห้องหนังสือ ซูนฟั่งมองไปที่หยุนเฉิงเซี่ยงด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง “หยุนเฉิงเซี่ยง ข้าอยากเลื่อนงานแต่งงานได้ไหม”

สีหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเปลี่ยนไปทันที “ทำไม เจ้ากลับใจและไม่อยากแต่งงานกับซูเอ๋อร์แล้วหรือ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้ารักซูเอ๋อร์ที่สุด ชาตินี้ข้าจะแต่งงานกับนางคนเดียวเท่านั้น จะกลับใจได้อย่างไร” ซูนฟั่งรีบยืนยันความในใจทันที

“งั้นคือเพราะอะไรหรือ หากเจ้าไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ข้าจะตีให้ขาของเจ้าหัก” หยุนเฉิงเซี่ยงโกรธจัด

“เพราะข้าได้ข่าวว่า คนของตระกูลเวินกำลังขนส่งพวกม้า อาวุธ และกำลังคนไปยังเมืองหลวงของแคว้นต้าเยียนด้วยช่องทางหลากหลาย บัดนี้พวกซวนอ๋องและแม่ทัพโม่กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ คงจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด

ตระกูลเวินหายตัวนานกว่าสิบปีและหวนกลับคืนมาอีก มันต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีแน่ พอดีงานแต่งของข้าและซูเอ๋อร์จะจัดขึ้นในไม่กี่วันให้หลัง ข้ากลัวว่าพวกเขาจะฉวยจังหวะนี้ทำอะไรซูเอ๋อร์หรือตระกูลหยุน

เดี๋ยวแขกจะรวมตัวกันและกลายเป็นความยุ่งเหยิง ทำให้ยากที่จะป้องกันได้ เดิมทีข่าวเหล่านี้เป็นความลับของหอข่าวกรอง และไม่ควรเปิดเผยให้ใครรู้ แต่ท่านเป็นบิดาของซูเอ๋อร์ และเป็นบิดาของซื่อจื่อเฟยด้วย ดังนั้นข้าคิดไปคิดมา รู้สึกว่าไม่ควรปิดบังท่าน” ซูนฟั่งเล่าทุกสิ่งที่เขารู้ออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ