จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1043

ประตูวังทั้งหมดของพระราชวังถูกปิด องครักษ์และกองทัพหลวงคอยตรวจสอบทั้งหมด ไม่ยอมปล่อยสวนหรือมุมใดไปเลย ทำเอาคนในวังพากันหวาดหวั่นพรั่นพรึงไปตามๆกัน

เจอเรื่องฝ่าบาทถูกวางยาพิษครั้งก่อน เหล่าสนมในวังหลังพากันอยู่แต่ในตำหนักตนเองอย่างว่าง่าย ไม่มีใครกล้าออกมาเลย

ส่วนโม่เหลิ่งเหยียนพอกลับถึงจวนซวนอ๋อง ถอดเสื้อผ้าไปได้ครึ่งหนึ่งก็เห็นพ่อบ้านพากองทัพหลวงคนหนึ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน

“ข้าน้อยคารวะซวนอ๋อง ฝ่าบาทให้ข้าน้อยมาเชิญซวนอ๋องเข้าวังในทันทีขอรับ!” กองทัพหลวงพูดอย่างนอบน้อมขณะคารวะ

โม่เหลิ่งเหยียนคิ้วขมวดมุ่น “ในวังเกิดอะไรขึ้น?”

“ทูลซวนอ๋อง เวินฉิงหายตัวไปแล้ว ตอนกองทัพหลวงคุมตัวเซียวผินเข้าคุก พบว่าองครักษ์เฝ้าประตูโดนคนตีสลบหมด ฝ่าบาททรงพิโรธมาก รีบสั่งให้คนปิดประตูวังประตูเมืองทุกด้าน บอกว่าต่อให้พลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาตัวให้เจอให้ได้!” กองทัพหลวงคนนั้นไม่กล้าปิดบัง ตอบออกมาตามตรงทันที

รังสีรอบตัวโม่เหลิ่งเหยียนแผ่ซ่านไอเย็นดุจน้ำแข็งทันที เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ “พูดอย่างนี้ แสดงว่าในวังมีสายของนางอยู่ ข้าจะไปกับเจ้าเอง!”

ก่อนไปโม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองพ่อบ้านหนึ่งที ก่อนจะออกไป

พ่อบ้านเห็นโม่เหลิ่งเหยียนกับกองทัพหลวงคนนั้นออกไป ก็เข้าใจในบัดดล รีบไปบอกคนของหอดวงจันทร์ ให้พวกเขาออกไปตามหาคนทันที จากนั้นพ่อบ้านก็ส่งข่าวด้วยนกพิราบสื่อสารเรื่องเวินฉิงหายตัวไปให้หยุนถิงทันที

เขาอยู่ในจวนซวนอ๋องมาสิบกว่าปี ย่อมเข้าใจดีถึงความสำคัญของหยุนถิงที่มีต่อซวนอ๋อง และยิ่งเข้าใจว่าเวลาซวนอ๋องมีอะไรก็มักจะปรึกษาซื่อจื่อเฟย

อีกด้านหนึ่ง พอโม่เหลิ่งเหยียนออกจากจวน เขามองทางพระราชวังแวบหนึ่ง เขาไม่ได้ไปวังหลวงทันที “เจ้ากลับไปกราบทูลฝ่าบาท บอกว่าข้ารู้เรื่องเวินฉิงหายตัวไปแล้ว ในเมื่อวังหลวงมีกองทัพหลวงสืบหา ข้าจะสืบหาทั่วเมืองหลวงแทน

ดูท่าเวินฉิงยังหายไปไม่นาน ไม่อย่างนั้นองครักษ์ที่ลาดตระเวนในวังต้องเจอตัวนางแน่ ดังนั้นนางน่าจะยังไม่ได้หนีออกจากเมือง ข้าจะสั่งคนไปค้นหาทีละบ้าน!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” กองทัพหลวงรีบกลับรายงานทันที

ซวนอ๋องเดิมก็ดูแลกำลังทหารของเมืองหลวงอยู่แล้ว เลยรีบไปค่ายองครักษ์หลวงทันที ระหว่างทางเจอเข้ากับองครักษ์หลวงที่ออกมาตามหา พอพวกเขาเห็นซวนอ๋องก็เหมือนเห็นเสาหลักก็ไม่ปาน ต่างพากันฟังคำสั่งซวนอ๋องทั้งหมด

“ใช้วังหลวงเป็นศูนย์กลาง แบ่งเป็นสี่กลุ่ม แยกกันไปตามหาทั้งสี่ทิศคือเหนือใต้ออกตก ห้ามปล่อยผ่านแม้แต่มุมเดียว โดยเฉพาะหอนางโลม โรงเตี๊ยม โรงน้ำชา ร้านอาหารเหล่านี้

แต่ก็ห้ามทำให้ชาวบ้านตกใจ แบ่งคนส่วนหนึ่งไปเฝ้าประตูเมือง เข้าได้แต่ห้ามออก หากพบคนน่าสงสัยให้รีบมารายงานข้าทันที!” โม่เหลิ่งเหยียนสั่ง

“ขอรับ!” องครักษ์หลวงแบ่งเป็นสี่กลุ่มไปจัดการทันที

โม่เหลิ่งเหยียนเดินไปตามถนนที่เงียบเชียบ ตอนนี้เป็นเวลาครึ่งค่อนคืนแล้ว ลมกลางคืนหนาวนัก ท้องฟ้ามืดมาก เมฆดำมืด ในท้องฟ้ามีแสงจันทร์จางๆพาดผ่าน ทั้งเงียบเหงาและเดียวดาย

หากตนเป็นเวินฉิง หลังจากนางหนีจากวังหลวงแล้วจะไปไหนนะ?

เห็นพ่อตนเองตายในคุกต่อหน้าต่อตา คนปกติมักจะเลือกไปล้างแค้นเลย นางน่าจะมาหาตนถึงจะถูกสิ

แต่โมเหลิ่งเหยียนเหล่มองรอบด้านที่เงียบสงัด ไม่มีเสียงผิดปกติใดๆเลย ตอนนี้ตนอยู่คนเดียวน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของนางแล้วนี่นา

แต่นางไม่ได้มา นี่เป็นการแก้แค้นให้ทั้งตระกูลเวิน ดังนั้นทุกคนที่ร่วมมือกันทำลายล้างตระกูลเวินน่าจะเป็นศัตรูที่นางต้องการล้างแค้น พอคิดถึงตรงนี้ โม่เหลิ่งเหยียนรีบพุ่งไปจวนซื่อจื่อทันที

รอจนโม่เหลิ่งเหยียนไปถึงจวนซื่อจื่อ เขาไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวจากด้านในเลย ก็แอบถอนหายใจโล่งอก

เขากระโดดปลายเท้าแตะพื้นขึ้นกำแพงของจวนซื่อจื่อ องครักษ์เงามังกรที่แอบคุ้มครองอย่างลับๆปรากฏตัวขึ้นทันที

“ซวนอ๋อง ทำไมท่านกลับมาล่ะ?” หลงซานถามอย่างประหลาดใจ ซวนอ๋องไม่ได้พึ่งกลับไปหรือไง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ