โม่เหลิ่งเหยียนถึงนึกขึ้นได้ว่า เสี่ยวเหยียนควบคุมหนอนกู่ได้ และยังร้ายกาจมากด้วย หากช่วยตน ต้องสำเร็จราวเสือติดปีกแน่
แต่โม่เหลิ่งเหยียนเองก็รู้ดีว่า หยุนถิงไม่เคยให้เสี่ยวเหยียนประกาศออกไปว่านางรู้เรื่องวิชากู่ หากโดนศัตรูรู้เข้า เสี่ยวเหยียนจะอันตรายมาก
“ไม่ต้องหรอก ท่านอาซวนอ๋องจัดการเองได้ ตอนนี้ท่านแม่ท่านพ่อเจ้าไม่อยู่ จวนซื่อจื่อน่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนปฏิเสธ
จวินเสี่ยวเหยียนหน้าตาเย็นชาลง “ท่านอาซวนอ๋อง ท่านสงสัยฝีมือข้ารึ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งมาก หนอนพวกนั้นก็เชื่อฟังเจ้ามาก ข้าแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบายอย่างใจเย็น
“หรือว่าท่านอาซวนอ๋องจะคุ้มครองข้าไม่ได้?”
คำพูดเดียวของจวินเสี่ยวเหยียนทำโม่เหลิ่งเหยียนหัวเราะขบขันออกมา
“ข้าย่อมคุ้มครองเจ้าได้อยู่แล้ว ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม ข้าแค่กลัวว่าคนอื่นจะอยากได้ตัวเจ้า แบบนี้ต่อให้ป้องกันไว้หมดแล้วก็ยังกลัวว่าคนอื่นอาจจะลอบทำร้ายได้อยู่ดี ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้ามีอันตรายแม้แต่นิดเดียว ต่อให้มีความเป็นไปได้แค่น้อยนิดก็ไม่ได้!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบด้วยสีหน้าตึงเครียด
ใบหน้าน้อยๆของจวินเสี่ยวเหยียนกลับเป็นปกติ นางเดินเข้ามาแยกผ้าคลุมของโม่เหลิ่งเหยียนออก จากนั้นก็มุดเข้าไปด้านใน
“ท่านอาซวนอ๋อง ข้าซ่อนตัวในผ้าคลุมท่านได้นะ แบบนี้คนอื่นก็ไม่เห็นข้าแล้ว ท่านอาซวนอ๋อง ท่านรีบพาข้าไปเถอะ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ข้านอนไม่หลับแน่ ท่านแม่เองก็บอกว่า เอาแต่เรียนไม่ฝึกน่ะไม่เก่งจริงหรอก” จวินเสี่ยวเหยียนเร่งเร้า
โม่เหลิ่งเหยียนหันมองผ้าคลุมกว้างใหญ่ของตน หัวเล็กๆที่แอบโผล่ออกมานั่นอย่างหน่ายใจและขบขัน ยังไงก็ปฏิเสธจวินเสี่ยวเหยียนไม่ลงจริงๆ
“ได้ งั้นข้าบอกหลงซานไว้หน่อยแล้วกัน”
“ดียิ่งนัก”
หลงซานได้ยินว่าซวนอ๋องจะพาจวินเสี่ยวเหยียนไปจับตัวเวินฉิง ก็คัดค้านออกมาทันที แต่ทนการกระเง้ากระงอดอ้อนวอนของจวินเสี่ยวเหยียนไม่ไหว สุดท้ายได้แต่ฝืนใจรับปาก จากนั้นหลงซานก็พาองครักษ์เงามังกรสิบนายติดตามหลังโม่เหลิ่งเหยียนเพื่อคอยอารักขาจวินเสี่ยวเหยียน ทั้งหมดมุ่งตรงไปวังหลวงทันที
แต่ครั้งนี้ โม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้เดินเข้าทางประตูหน้าวัง เพราะเขาไม่อยากให้คนเห็นจวินเสี่ยวเหยียน ดังนั้นโม่เหลิ่งเหยียนเลยใช้วิชาตัวเบาเหาะไปทางคุกหลวง
องครักษ์ที่เฝ้าคุกถูกเปลี่ยนแล้ว ฮ่องเต้ยังเพิ่มคนมาอีก ดังนั้นพอเหล่าคนเฝ้าเห็นซวนอ๋ฮงทะยานตัวลงมาฉับพลันก็พากันตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆกัน
“ซวนอ๋อง ทำไมท่านลงมาจากฟ้าล่ะ?” องครักษ์คนหนึ่งถามอย่างนอบน้อม
“ข้าอยากจะดูว่าเวินฉิงใช้วิธีอะไรหนีออกจากวัง ดังนั้นเลยลองทดสอบวิชาตัวเบาหน่อย ตอนนี้ข้าจะเข้าคุกไปหาเบาะแส!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบเสียงเย็น
ท่าทางแข็งกร้าว ออร่าตะลึง ทำเอาทหารยามพากันตกใจตัวสั่น ไม่กล้าสงสัยอีก พากันหลีกทางให้ทันที
เพียงแต่เขาสังเกตเห็นว่า ซวนอ๋องในคืนนี้แปลกพิกล เพราะผ้าคลุมของเขาดูใหญ่มาก เหมือนคลุมอะไรไว้ แต่ทุกคนไหนเลยจะกล้าวิ่งไปถาม ได้แต่ทำเป็นไม่เห็น
ส่วนโม่เหลิ่งเหยียนอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนพุ่งเข้าไปในคุกทันที ผ้าคลุมใหญ่คลุมจวินเสี่ยวเหยียนไว้มิดชิด จนถึงห้องคุกที่ขังเวินฉิงไว้ก่อนหน้านี้ถึงได้ถูกวางลง
จวินเสี่ยวเหยียนยืนบนพื้น แอบยื่นศีรษะเล็กๆออกมา กวาดตามองทุกอย่างในคุก รีบเรียกหนอนกู่ออกมาทันที
หนอนกู่หลายสิบตัวคลานออกมาจากตัวจวินเสี่ยวเหยียน นางพึ่งเตรียมมาดีเลย หนอนกู่พวกนั้นคลานไปคลานมาบนพื้ในห้องขังที่เคยขังเวินฉิงไว้ จากนั้นก็พากันคลานออกไปข้างนอก
โม่เหลิ่งเหยียนรีบอุ้มจวินเสี่ยวเหยียน และห่อตัวนางไว้ด้วยผ้าคลุม พลางตามหนอนกู่พวกนั้นไปทันที
หนอนกู่ลาดมาก พอออกจากประตูคุกก็ไม่ได้คลานไปทางเท้าทหารเหล่านั้น แต่กลับแอบคลานไปที่กำแพง บวกกับฟ้ามืด ยังมีซวนอ๋องที่เย็นชา เหล่าทหารยามต่างตกใจกับราศีของซวนอ๋อง ไหนเลยจะสังเกตเห็นหนอนกู่บนกำแพงเล่า
“ซวนอ๋อง ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง พวกข้าพร้อมรับคำสั่งซวนอ๋อง!” ทหารยามเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม
“ข้าสืบได้เบาะแสแล้ว พวกเจ้าเฝ้าที่นี่ให้ดีก็พอแล้ว!” ซวนอ๋องแค่นเสียงเย็น ก่อนจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...