จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1063

รั่วชูสีหน้าตึงเครียด “ใช่! แต่ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่มีวันทำร้ายพระองค์เด็ดขาด”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นคือใคร?” ชางหลันเย่ถามประเด็นสำคัญ

รั่วชูส่ายหัวบอก “ข้าไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน ครั้งนั้นที่เจอเขา เขาใส่หน้ากากไว้ มองไม่เห็นโฉมหน้าเลย ต่อมาก็มีคนอื่นมาส่งข้าวส่งน้ำส่งเสื้อผ้าให้ข้า ก็ทำแค่วางไว้หน้าประตูแล้วก็ไป ไม่เคยเห็นคนอื่นเลย ดังนั้นข้าเลยไม่รู้ว่าเขาคือใคร”

ชางหลันเย่คิ้วขมวดเป็นปม ดวงตาดำขลับราวความมืดมิดทุ้มลึกนัก ไม่ได้พูดอะไรอีก

ทันใดนั้น รั่วชูพลันคลานขึ้นมาคุกเข่าลงหน้าชางหลันเย่ “ฝ่าบาท ผิดมากผิดน้อยก็เป็นความผิดของรั่วชูทั้งหมด รั่วชูสมควรตาย ข้ารู้ดีว่าตนไม่มีหน้าอยู่ข้างกายฝ่าบาทอีกแล้ว ข้าแค่ขอให้ฝ่าบาททรงประหารข้าเถิด!”

เจว๋เฟิงมองมาอย่างเย็นชาและไม่คิดขอร้องเลยสักนิด

หลายปีมานี้ฝ่าบาทใช้ชีวตอย่างอยู่ไม่สู้ตายที่แคว้นต้าเยียน ไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาเจอคนคุ้นเคยที่นี่ หากนางกลับเป็นไส้ศึกที่คนอื่นจัดวางไว้ข้างกายพระองค์ หากมิใช่เพราะเมื่อครู่รั่วชูเสี่ยงอันตรายเข้าช่วยไว้ ตอนนี้เจว๋เฟิงก็คงฆ่ารั่วชูอย่างไม่ลังเลแน่นอน

คนของกองทัพขนหงส์เองก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของแคว้นชางเยว่

ชางหลันเย่เห็นสีหน้าทุกข์ทรมานจนซีดเผือดของรั่วชู พลางถอนหายใจออกมา “ลุกขึ้นเถอะ เมื่อครู่หากมิใช่เจ้า ข้าคงตายไปแล้ว ถือว่าความชอบลบล้างความผิดกันไป”

รั่วชูมองมาอย่างตกตะลึง “ฝ่าบาท ไม่โทษหม่อมฉันรึ?”

“ทำไมต้องโทษเจ้าด้วย เจ้าเองก็ไม่ได้มีอิสระอะไร ลุกขึ้นเถอะ ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยนี่” ชางหลันเย่ตอบ

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” รั่วชูกะพริบตาแดงๆถี่ๆอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะคลานขึ้นมาจากพื้น

เช้าวันต่อมา ชางหลัวอวี้เข้าวังแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่ชางหลันเย่ขึ้นครองบัลลังก์ ชางหลัวอวี้ก็ได้รับแต่งตั้งเลื่อนขั้นจากองค์ชายสี่เป็นอวี้อ๋อง

“เสด็จพี่ วันนี้ข้าได้ยินว่าเมื่อคืนมีนักฆ่าลอบเข้าวังมาแต่เช้าตรู่เลย ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ชางหลัวอวี้พูดด้วยสีหน้ากังวล

“ข้ามิเป็นไร” ชางหลันเย่ตอบ

ชางหลัวอวี้มองสำรวจทั่วตัวชางหลันเย่ ก่อนจะโล่งอก “ท่านไม่เป็นไรก็ดี สืบรู้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือใคร กล้ามาลอบฆ่าในวัง ไม่อยากมีชีวิตแล้วกระมัง?”

“สำนักยมบาล!” ชางหลันเย่ตอบตามตรง

ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เจ้าสี่ดีกับเขาที่สุด ดังนั้นชางหลันเย่เลยไม่ได้ปิดบัง

“สำนักยมบาล นั่นมันองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งของยุทธภพมิใช่รึ หรือว่าเสด็จพี่ท่านไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยงั้นรึ?” ชางหลัวอวี้ถามอย่างสงสัย

ชางหลันเย่ส่ายหัวบอก “ข้าเองก็อยากรู้คำตอบ”

“งั้นเสด็จพี่ท่านหนีรอดมาได้ยังไงล่ะ หรือว่ามุดรูหมาหนี?” ชางหลัวอวี้ถามเย้าเล่น

“กองทัพขนหงส์น่ะ คนของหยุนถิงมาช่วยข้าไว้”

“เสด็จพี่ปลอดภัยก็ดีแล้ว ซื่อจื่อเฟยนี่มาช่วยได้ทันเวลาจริงนะ ช่วยฝ่าบาทไว้อีกแล้ว ระยะนี้หม่อมฉันคิดค้นของเล่นมากมาย ไว้จะส่งมาให้เสด็จพี่สักหลายชิ้นนะ” ชางหลัวอวี้บอกอย่างภูมิใจ

“สมบัติพวกนั้นของเจ้าน่ะเก็บไว้ให้ตนเองเถอะ ไม่มีอะไรก็อย่าเข้าวังล่ะ ระยะนี้ในวังไม่ค่อยสงบเท่าไหร่” ชางหลันเย่กำชับ

“ในเมื่ออันตรายขนาดนี้ เสด็จพี่ย้ายไปจวนข้าดีหรือไม่?”

“หากข้าไป น่ากลัวจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ หากสมบัติพวกนั้นของเจ้าโดนทำลาย เจ้าไม่ลุกขึ้นมาด่ากราดรึ” ชางหลันเย่กระเซ้า

นั่นไงพอได้ยินอย่างนั้น ชางหลัวอวี้ทำหน้างกขึ้นมาทันที “เช่นนั้นไม่ได้นะ นั่นน่ะสมบัติข้าทั้งนั้น เสด็จพี่คิดซะว่าไม่ได้ยินข้าพูดก่อนหน้านี้แล้วกัน ข้ายังมีงานต้องทำ ไปก่อนนะ”

ชางหลันเย่มองตามแผ่นหลังหนีแจ้นอ้าวไปเลย ยิ้มหน่ายใจออกมา

“ฝ่าบาท ในหมู่ท่านอ๋องและองค์หญิง อวี้อ๋องสนิทกับท่านที่สุด พอเกิดเรื่องเขาก็มาเป็นห่วงทันที ช่างเป็นพี่น้องที่รักปรองดองกันจริงๆ!” เจว๋ไห่คนสนิทบอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ