จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 134

เมื่อทุกคนเห็นซวนอ๋อง ต่างก็ตกใจจนพากันถอยหลังกันหมด ราวกับว่าเห็นผี

หยุนถิงเห็นปฏิกิริยาของทุกคนในสายตา รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย“ซื่อจื่อ ซวนอ๋องผู้นี้น่ากลัวมากหรือ ทำไมทุกคนถึงทำท่าทางเหมือนกับเห็นผี?”

ไม่รอให้จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก หลงเอ้อที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามาใกล้และกล่าวขึ้นมาทันที“ฮูหยิน ซวนอ๋องผู้นี้เป็นคนเย็นชาน่ากลัว โหดเหี้ยมอำมหิต ทุกๆปีเขาจะทำเรื่องที่สร้างความตกตะลึงไปทั้งสี่แคว้นเรื่องสองเรื่อง และวิธีการก็โหดร้ายอย่างยิ่ง สามารถพูดได้ว่าไล่เลี่ยกับซื่อจื่อ

ดีร้ายซื่อจื่อของเราก็เป็นคนมีเหตุผล โดยทั่วไปแล้วจะไม่โจมตีผู้คนโดยพลการ แต่ซวนอ๋องผู้นี้ไม่เคยสนใจอะไรเลย ขอเพียงแค่เห็นใครขัดหูขัดตาก็จะสังหารอย่างเหี้ยมโหด

แต่ว่าเขาเก่งทางด้านนำทัพออกรบมากเป็นพิเศษ ยุทธการพิชัยสงครามร้ายกาจมาก ช่วยเหลือฮ่องเต้ชนะศึกในสงครามหลายครั้งหลายหน และไม่มีสงครามไหนที่ไม่สามารถเอาชนะได้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮ่องเต้ถึงยอมทนต่อวิธีการที่โหดเหี้ยมของเขา” หลงเอ้อกล่าวอธิบาย

หยุนถิงมองไปทางโม่เหลิ่งเหยียน สายตาของโม่เหลิ่งเหยียนก็ชำเลืองมองมาทางนางพอดี สายตามองประสานกัน สายตาเย็นชามืดมนที่กระหายเลือดของโม่เหลิ่งเหยียนทำให้หยุนถิงรู้สึกอึดอัดมาก ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ คิดไม่ถึงว่าบุคลิกท่าทางของผู้ชายคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่ด้อยไปกว่าซื่อจื่อแม้แต่น้อย

วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวยื่นมือออกไปกอดหยุนถิงเข้าไปในอ้อมแขน“หากซวนอ๋องทำให้ฮูหยินของข้าตกใจกลัว ข้าจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวง่ายๆแน่”

“ฮึ ฮูหยินของเจ้ามีความกล้าท้าประลอง ยังจะถูกข้าทำใหตกใจกลัวอีกหรือ?” โม่เหลิ่งเหยียนถามกลับ ไม่ยอมรับเลยแม้แต่น้อย

ทั่วทั้งเมืองหลวง ถึงแม้ฟู่ยี่เฉินจะกล้าลองดีกับจวินหย่วนโยว ในแง่ของความสามารถและอิทธิพลคนที่สามารถตีเสมอกับจวินหย่วนโยวได้ เกรงว่าคงมีแต่ซวนอ๋องที่อยู่ตรงหน้าคนนี้แล้ว

ทุกคนต่างก็ตกใจจนตะลึงงัน เพียงแค่มองดูก็สามารถรู้สึกได้ถึงไฟสงครามที่มองไม่เห็นในอากาศ ทุกคนต่างก็พากันถอยไปอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง หากไปทำให้ซวนอ๋องขุ่นเคือง หรือว่าไปขัดหูขัดตาซวนอ๋องเข้า นั่นถือเป็นความโชคร้ายเลย

“ความกล้าหาญของฮูหยินเป็นเพราะข้าตามใจ แต่หน้าตาของเจ้าน่ากลัวเช่นนี้ มันก็คือความผิดของเจ้า” จวินหย่วนโยวตอกกลับอย่างมีพลังอำนาจ

สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนที่เดิมทีก็เย็นยะเยือกอยู่แล้ว เวลานี้กลับปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ รูม่านตาดำมองมาอย่างกระหายเลือดและดุเดือด“เช่นนั้นหลายปีขนาดนี้แล้ว ทำไมข้าถึงไม่ทำให้เจ้าตกใจจนตายล่ะ?”

“รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ของเจ้า อยากจะให้ข้าตกใจตาย เกรงว่าคงต้องชาติหน้าแล้ว” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเหยียดหยาม

นาทีนี้ หยุนถิงมองไปทางจวินหย่วนโยวด้วยความนับถืออย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ได้ยินมาตลอดว่าซื่อจื่อปากร้าย วันนี้ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

โม่เหลิ่งเหยียนจ้องมองกลับมาด้วยความโกรธแค้น เดิมทีเขาต้องการจะให้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงล่าถอยไปเอง ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว

“จวินหย่วนโยวเถียงกันไปมามีความหมายอะไร หากว่าเจ้ามีความกล้า เช่นนั้นก็ท้าประลองโต๊ะหมายเลขเก้า หากว่าไม่กล้าก็ไสหัวออกไป อย่ามาทำเป็นวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนที่นี่” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างยั่วยุ

ไม่รอให้จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก หยุนถิงก็พูดขึ้นมาแล้ว“ขอถามซวนอ๋อง โต๊ะหมายเลขเก้าเดิมพันอะไร?”

“เดิมพันชีวิต!” โม่เหลิ่งเหยียนมองมาด้วยสายตายั่วยุ

เขาไม่เชื่อหรอกว่า จะมีคนกล้าเดิมพันจริงๆ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมโต๊ะหมายเลขเก้าถึงถูกจัดขึ้นมา

จากนั้นก็ได้ยินหยุนถิงเอ่ยปากขึ้นมา“หากว่าข้าชนะ นอกจากค่าตอบแทนหนึ่งล้านตำลึงแล้ว ท่านยังต้องขอโทษซื่อจื่อของข้า สำหรับความหยาบคายเมื่อครู่นี้ด้วย”

น้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง ไม่ยอมให้มีข้อกังขา

โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว ใบหน้าที่เดิมทีก็มืดมนอยู่แล้วเวลานี้กลับยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น สายตาที่คมกริบดั่งมีดจับจ้องมาทางใบหน้าของหยุนถิง

ดำราวกับถ่าน อัปลักษณ์ไร้ที่เปรียบ มองไม่เห็นรูปโฉมภายนอก แต่ดวงตาคู่สวยนั่นกลับหนักแน่น มั่นใจ เด็ดขาด ไม่มีเกรงกลัว จ้องมองโม่เหลิ่งเหยียนอยู่เช่นนั้น

นี่ทำให้โม่เหลิ่งเหยียนรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรเสียทั่วทั้งเมืองหลวงยังไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าที่จะไม่เกรงกลัวเช่นนี้ จ้องมองตัวเองโดยไม่คำนึงอะไรทั้งสิ้น

“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงของจวินหย่วนโยว ยังมีความกล้าอยู่เล็กน้อย เจ้าไม่กลัวตายจริงหรือ?” โม่เหลิ่งเหยียนเกี่ยวมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ