จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 161

“กราบทูลฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันตามคุณหนูหยุนออกไปค่ายทหาร มอบชานมให้เหล่าทหาร พวกเขาพากันซาบซึ้งในพระคุณของฝ่าบาทนัก คุณหนูหยุนเห็นพวกเขากำลังมวยปล้ำ ก็เข้าไปประลองกับพวกเขาด้วย สุดท้ายพระองค์รู้หรือไม่เป็นอย่างไร?” หลิ่วเฟยแกล้งทำยึกยัก

“หรือว่าหยุนถิงชนะได้?” ฮ่องเต้ถามอย่างตกใจ

“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง คุณหนูหยุนชนะจริงๆ ฟู่ซื่อจื่อกับหลีอ๋องก็ไปด้วย ฟู่ซื่อจื่อบอกว่าคุณหนูหยุนเล่นไม่ซื่อ ดูถูกนางไม่หยุด ท้ายคุณหนูหยุนยอมรับเองว่า นางเอาชนะได้อย่างไม่ขาวสะอาดนัก นางเพียงแค่จี้จุดชีพจรของรองแม่ทัพ จากนั้นก็เริ่มสอนทุกคนให้รู้จักจุดชีพจร

เหล่าทหารต้องออกรบสู้ศึกมันไม่ง่ายเลย หม่อมฉันรู้สึกว่าวิธีนี้ดียิ่งนัก บางทีอาจจะช่วยชีวิตพวกเขาได้ในยามคับขัน เพียงแต่ฟู่ซื่อจื่อเอาแต่ก่อกวน สุดท้ายถูกคุณหนูหยุนใช้เขามาช่วยสอนแก่ทุกคน น่ากลัวว่าฟู่ซื่อจื่อจะเคียดแค้นคุณหนูหยุน” หลิ่วเฟยตอบ

ฮ่องเต้ฟังหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาแปลกใจมาก เขาลืมไปเลยว่า หยุนถิงรู้วิชาแพทย์ ย่อมต้องเชี่ยวชาญเรื่องจุดชีพจรอยู่แล้ว

หากให้เหล่าทหารเรียนรู้เรื่องจุดชีพจรได้จริง ต่อไปยามออกรบทำศึกก็จะเหมือนเสือติดปีก และยังช่วยลดจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายได้อีก มันเป็นวิธีที่ไม่เลวเลยจริงๆ

“ฟู่อี้เฉินผู้นี้นี่วุ่นไปวายไปเสียทุกที่ ไว้ข้าจะบอกเขา เจ้าคนไม่ได้เรื่องนี่ ช่วยไม่ได้แล้วยังจะไปก่อกวนอีก” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

โม่ฉือหานปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายทหาร เขาไม่แปลกใจเลย เพราะเขาเป็นคนออกคำสั่งให้หลีอ๋องไปลาดตระเวนค่ายทหารเอง เพียงแต่ครั้งนี้ฟู่อี้เฉินทำให้ฮ่องเต้เดือดดาลนัก

“ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ว่าวังหลวงมิอาจก้าวก่ายงานราชกิจได้ แต่หม่อมฉันคิดว่า หากให้คุณหนูหยุนไปค่ายทหารได้เดือนละครั้งสองครั้ง เพื่อสอนทุกคนรู้จักจุดชีพจร รวมถึงความรู้พื้นฐานในการรักษาบ้าง บางทีอาจจะมีส่วนช่วยเหล่าทหารบ้าง” หลิ่วเฟยเสนอ

ฮ่องเต้เห็นสีหน้าเป็นห่วงของนาง รู้ดีว่านางหวังดีต่อตน และหวังดีต่อแคว้นต้าเยียน เมื่อก่อนนางมักจะเย็นชาใส่ตน บัดนี้หายากนักที่ดูเป็นห่วงเป็นใยตน ฮ่องเต้ดีใจแทบไม่ทัน มีหรือจะกล่าวโทษอีก

“ข้อเสนอของสนมข้าดียิ่ง กลับไปข้าจะเรียกหยุนถิงมาพบ ให้นางไปสอนความรู้พื้นฐานด้านการรักษาให้กับกองทัพ พอเหล่าทหารเข้าใจ ก็จะสามารถลดทอนการบาดเจ็บล้มตายลงได้” ฮ่องเต้ปลาบปลื้มใจนัก

“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง”

สายตาหลิ่วเฟยวาบประกายพอใจขึ้น การที่นางมาที่นี่ คล้ายจะดูเป็นห่วงฝ่าบาท แต่ที่จริงแล้วนางกลัวฟู่อี้เฉินมาฟ้องแล้ว ฝ่าบาทจะลงโทษหยุนถิง

พอนางเอ่ยปากอธิบายผลได้ผลเสียก่อน ฝ่าบาทมิใช่คนโง่ ย่อมรู้หนักเบาดี ต่อให้ต่อไปฟู่อี้เฉินมาฟ้อง ฝ่าบาทก็จะไม่ลำเอียงเชื่อคำเขาผู้เดียว

ข่าวว่าหลิ่วเฟยออกตำหนักแล้วกระจายไปทั่วทั้งตำหนักหลัง สนมทั้งหมดพากันตกตะลึง

คนที่อยู่แต่ในตำหนักตนเองมาตลอดจู่ๆก็ออกมา แถมหลิ่วเฟยยังเป็นหลานสาวแท้ๆของไทเฮาองค์ปัจจุบัน บิดาก็เป็นเสนาบดี สำหรับสนมในวังหลังแล้วมิใช่ข่าวดีแน่นอน

อุทยานเวลานี้ของตำหนักหลัง ในศาลมีสนมหลายนางกำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน

“พวกเจ้าได้ยินข่าวแล้วใช่หรือไม่ หลิ่วเฟยออกมาแล้ว ยังตุ๋นน้ำแกงไปให้ฝ่าบาทอีก นี่นางจะออกจากจำศีลแล้วรึ?” เสียงกุ้ยเหรินพูดขึ้น

“ว่ากันว่าวันนี้หลิ่วเฟยไปค่ายทหารกับหญิงอัปลักษณ์หยุนถิงนั่น ทำไมกลับมาครานี้นิสัยเปลี่ยนล่ะ หรือว่าเป็นฝีมือหยุนถิง?”

“ว่าไม่ได้ เพราะหยุนถิงไม่เหมือนก่อนอีกแล้ว ขยะไร้ค่าที่ทำอันใดมิเป็นคนหนึ่งกลายเป็นผู้มากความรู้และฝีมือ หากมิใช่ปกปิดซ่อนเร้นได้ดีมาก ก็เจ้าเล่ห์มากเกินไป”

“หยุนถิงเหตุใดมารู้จักกับหลิ่วเฟยได้ คนหนึ่งมีหยุนเฉิงเซี่ยงกับจวินซื่อจื่อเป็นที่พึ่ง อีกคนเป็นหลานสาวแท้ๆของไทเฮา หากพวกนางสองคนร่วมมือกัน น่ากลัวทั่วทั้งราชสำนักและวังหลังก็มิใช่คู่ต่อสู้นะ”

“พวกเจ้านี่แต่ละคนจะโวยวายไปไยกัน ตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเราพวกนางไม่สนใจดอก ให้ข้าว่านะ ผู้ที่ควรร้อนใจที่สุดน่าจะเป็นตำหนักกลางผู้นั้นมากกว่า”

ทุกคนเข้าใจในบัดดล เพราะข่าวลือว่าหลิ่วเฟยถูกวางยาพิษ ถึงฝ่าบาทจะสั่งห้ามทุกคนพูดเรื่องนี้กัน แต่ใครบ้างจะไม่รู้กันล่ะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ