หยุนถิงมุมปากกระตุก ถลึงตาใส่เริ่นเซวียนเอ๋อร์อย่างโกรธขึ้ง “ไม่เป็นไร ข้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
“ได้ คราวหน้าจะให้พวกเจ้าดู ทำตามวิธีของข้ารับรองโรคของพวกเจ้าหายดีแน่” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก
ขันทีสองคนผงกหัวอย่างแรง จากนั้นทั้งสี่คนก็เดินกลับไป
จวินหย่วนโยวยืนรออยู่หน้าประตูนานแล้ว พอเห็นหยุนถิงกลับมา ถึงถอนหายใจโล่งอก พวกเขาพากันขึ้นรถม้าและเดินทางกลับ
“หยุนถิงเจ้าออกมานานขนาดนี้ทำไมกัน?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถาม
“ก็ไม่เคยมาแปรพระราชฐานนี่ ออกมาเดินเล่นน่ะ” หยุนถิงตอบ
“เดินเล่นก็เดินเล่นสิ ต้องปีนกำแพงห้องปลดทุกข์ด้วยรึ? อันที่จริงเจ้าไม่บอกข้าก็พอเดาได้ ข้าไม่สนใจความลับของเจ้า ข้าได้ยินว่าเมืองหลวงของพวกเจ้าน่ะเปิดร้านไก่ทอด ระยะนี้ที่ข้าอยู่ในเมืองหลวงเจ้าให้ข้ากินจนพอใจก็พอแล้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก
“ไม่มีปัญหา”
รถม้าแล่นไปได้หลายถนน ถนนที่อยู่ไม่ไกลนักครึกครื้นยิ่ง หยุนถิงมองนอกรถม้า กลางถนนมีผู้คนห้อมล้อมมุงดูกันอยู่ ตรงกลางเหมือนมีคนที่เธอคุ้นเคยอยู่
“หลิงเฟิง จอดรถข้างทาง” หยุนถิงบอก
“ขอรับ ฮูหยิน” หลิงเฟิงรีบจอดรถม้าทันที
หยุนถิงลงจากรถม้า และเห็นจ้าวเคอคุกเข่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนแต่ไกล ด้านข้างมีสตรีนางหนึ่งในชุดสีเหลืองถูกคุณชายเสเพลผู้หนึ่งโอบกอดไว้ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันยิ่งนัก
“จูจู ขอร้องเจ้าให้โอกาสข้าอีกครั้งได้ไหม ข้าไปส่งรายชื่อเข้าร่วมการสอบระดับเขตแล้ว ข้าจะต้องสอบได้แน่ ขอร้องเจ้ารอข้าอีกหน่อยเถอะ!” จ้าวเคออ้อนวอน
“จ้าวเคอ ข้ารอเจ้ามากี่ปีแล้ว คิดว่าเจ้าได้ลืมตาอ้าปาก สุดท้ายจนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นแค่บัณฑิต ที่บ้านจนเสียมิมีอันใดจะกินแล้ว ยังมีแม่แก่เฒ่าที่นอนป่วยติดเตียงอีก เจ้าจะให้ข้ากินแกลบอยู่กับเจ้ารึ” สตรีชุดเหลืองตอบอย่างดูถูก
“ข้าไร้สามารถ ข้าไร้ฝีมือ ทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ต่อไปหากข้าสอบได้ ข้าต้องให้เจ้าได้อยู่อย่างสุขสบายแน่นอน” จ้าวเคออ้อนวอน
“พอได้แล้ว รอเจ้าสอบติดชาติไหนล่ะ ยากนักที่คุณชายหลิ่วชอบพอและไม่รังเกียจข้า ดังนั้นพวกเราตัดขาดกัน ต่อไปเจ้าไปตามทางของเจ้า ข้าไปตามทางของข้า ไม่เกี่ยวข้องกันอีก” จูจูบอกอย่างไม่แยแส
“หากเจ้าไปกับเขา เจ้าเป็นได้เพียงแค่อนุนะ” จ้าวเคอขมวดคิ้วมุ่น
“เป็นอนุแล้วอย่างไร เป็นอนุของคุณชายหลิ่วก็ยังดีกว่าแต่งงานกับยาจกเช่นเจ้า” จูจูเย้ยหยัน
จ้าวเคอสีหน้าซีดเผือด เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่เติบโตมากับเขาแต่เล็กจะเย้ยหยันหยามเกียรติตนเช่นนี้ เหตุใดนางกลายเป็นเช่นนี้ได้ ประหนึ่งตนมิเคยรู้จักนางมาก่อน
“จ้าวเคอ เจ้าอย่าโทษข้าเลย ยังไงซะเราก็รู้จักกันแต่เด็ก ขอเพียงเจ้ายอมขายภาพตัวอักษรนั้นในมือเจ้า ข้าก็จะคิดดูเรื่องกลับไปกับเจ้า” แววตาจูจูฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“ไม่ได้ ตัวอักษรนี้คุณหนูหยุนมอบให้ข้า ข้าไม่ขายเด็ดขาด!” จ้าวเคอพูดพลางกำภาพตัวอักษรแน่น
พอเห็นเขาดื้อด้านเช่นนี้ จูจูขี้เกียจเสแสร้งอีกต่อไป “วันนี้ข้าพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ข้ากับภาพตัวอักษรนี่เจ้าเลือกมาหนึ่งอย่าง หากเจ้าเลือกภาพ ข้าก็ไปกับคุณชายหลิ่ว หากเจ้าเลือกขายมันซะ ข้าจะกลับไปอยู่กินกับเจ้าดีหรือไม่?”
จ้าวเคอคิ้วขมวดเป็นปม ทั้งที่นางรู้ดีว่าภาพตัวอักษรนี้คุณหนูหยุนมอบให้เขา รู้ทั้งรู้ว่าตนทะนุถนอมมันเพียงใด เหตุใดต้องบีบคั้นตนเยี่ยงนี้
หยุนถิงที่ยืนท่ามกลางฝูงชนได้ยินพอประมาณแล้ว เธอเองก็สงสัยว่าจ้าวเคอจะเลือกอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...