จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 258

ท้องพระโรงในพระราชวัง

ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์หาวหวอดๆมองจวินหย่วนโยว “เจ้าปลุกข้าตื่นแต่เช้ามานี่ เจอหลักฐานแล้วรึ?”

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมพบหลักฐานแล้วจริงๆ พาเข้ามา!” จวินหย่วนโยวสั่งการเสียงเย็น

พวกหลิงเฟิงพาคนทั้งหมดเข้ามา มีทั้งที่สลบ และทำใจฮึกเหิม แต่ทั้งหมดหวาดกลัวยิ่งนัก

“คนพวกนี้คือใครกัน?” สายตาฮ่องเต้มองปลาบมา

“จากที่กระหม่อมสืบมาได้ องครักษ์ผู้นี้คบชู้กับจ้าวเหลียงเหริน ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนมีมานานเป็นครึ่งปีแล้ว หากฝ่าบาทไม่เชื่อ สามารถสอบสวนเขาได้ ส่วนนางกำนัลผู้นี้เป็นฆาตกรที่ลอบฆ่าจ้าวเหลียงเหริน ฐานะที่แท้จริงของนางคือจื่อย่วน เป็นสาวใช้อันดับหนึ่ง คนสนิทของฮองเฮา

เป็นนางที่ปลอมแปลงโฉมเป็นหยุนถิงไปฆ่าจ้าวเหลียงเหริน และแสร้งให้สาวใช้ของจ้าวเหลียงเหรินมาเห็นเข้า จะได้โยนความผิดให้หยุนถิง เหลือพยานเช่นนี้ไว้

ส่วนการที่นางสามารถพูดเรื่องปานบนแขนของหยุนถิงออกมาได้ นั่นเป็นเพราะนางจ้าวแห่งจวนตระกูลหยุนให้ข้อมูล และเป็นแม่เลี้ยงของหยุนถิง นางตามใจดูแลหยุนถิงมาตั้งแต่เด็ก ย่อมต้องรู้สัญลักษณ์พิเศษบนตัวหยุนถิงอยู่แล้ว

เพราะเมื่อก่อนหยุนถิงคล้อยตามต่อนางจ้าวมาก และยังยอมยกป้ายขนหงส์ให้นางจ้าว แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานหยุนถิงพลันฝันถึงมารดานาง รู้สึกผิดต่อมารดา เลยเอาป้ายขนหงส์ที่เป็นของดูต่างหน้าเพียงสิ่งเดียวของมารดากลับมาจากนางจ้าว

ดูท่านางจ้าวยึดเป็นของตนมาหลายปี เกิดความไม่พอใจ ดังนั้นเลยเคียดแค้นหยุนถิง จงใจให้ร้ายใส่ร้ายนาง ดังนั้นหยุนถิงเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอฝ่าบาทพิจารณาด้วย!” จวินหย่วนโยวตอบอย่างไม่รีบไม่ร้อน เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา

ทำเอาฮ่องเต้เดือดดาลหนัก เขาถลึงตามององครักษ์ที่สลบไสลอยู่บนพื้นอย่างโกรธแค้นเดือดดาล “ปลุกมันขึ้นมา!”

หลิงเฟิงตบหน้าองครักษ์คนนั้นสองฉาดใหญ่ เขาถึงฟื้นขึ้นมา

อู๋เฉิงมองดูรอบด้าน และตกใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าคารวะ “ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท”

“เจ้าคบชู้กับจ้าวเหลียงเหรินตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกข้ามาตามตรงบัดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้ตะคอกอย่างเดือดดาล

ในเมื่อจวินหย่วนโยวกล้าพาคนมา ย่อมสืบมาอย่างรู้แจ้งชัดเจนแล้ว เรื่องอย่างนี้เขาไม่มีทางสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่าแน่

อู๋เฉิงตกใจแทบตาย กำลังคิดว่าจะบ่ายเบี่ยงและแก้ตัวอย่างไรดี

“อู๋เฉิง บ้านเจ้ามีแม่ที่แก่เฒ่า และภรรยาคนหนึ่ง ลูกชายหญิงสองคน หากเจ้ากล้าพูดมดเท็จ ข้าไม่ถือสาจะส่งพวกเขาลงนรก!” น้ำเสียงเย็นเยียบของจวินหย่วนโยวโหดเหี้ยมอำมหิตนัก

ใบหน้าอู๋เฉิงซีดเผือดฉับพลัน รีบยอมรับทันที “ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย เป็นเพราะจ้าวเหลียงเหรินยั่วยวนกระหม่อมทั้งนั้น กระหม่อมเป็นคนบ้านเดียวกันกับจ้าวเหลียงเหริน ครึ่งปีก่อนกระหม่อมรับหน้าที่ลาดตระเวน พบกับจ้าวเหลียงเหรินที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญกลางดึกพอดี

คืนนั้นนางเหมือนจะมึนเมา เกือบตกลงไปในสระน้ำ กระหม่อมผ่านไปช่วยนางไว้พอดี จากนั้นนางก็ร้องไห้คร่ำครวญกับกระหม่อมว่าฝ่าบาทเย็นชากับนาง นางไม่ได้พบพระพักตร์ฝ่าบาทนานมากแล้ว

ตอนนั้นกระหม่อมเห็นนางเมา และเป็นคนบ้านเดียวกัน คิดว่าหากมีสัมพันธ์อันดีกับจ้าวเหลียงเหรินไว้ ก็เท่ากับมีที่พึ่ง ดังนั้นเลยส่งนางกลับไป

เพียงแต่ตอนกระหม่อมจะไป จ้าวเหลียงเหรินดึงกระหม่อมไว้ คืนนั้นจ้าวเหลียงเหรินดื่มมากไปจริงๆ ดังนั้น....เป็นความผิดของกระหม่อมเอง กระหม่อมเลอะเลือน ขอฝ่าบาทได้โปรดละเว้นครอบครัวของกระหม่อมด้วย”

เส้นเลือดปูดโปนที่ข้างขมับฮ่องเต้ ดวงตาดำขลับทุ้มลึกคู่นั้นคมปลาบและอันตราย เขามองอู๋เฉิงบนพื้นอย่างดุดัน

“น่าตายนัก เจ้ากล้าคบชู้กับเหลียงเหรินของข้า ทหาร ลากมันออกไปห้าม้าแยกร่าง ตัดหัวเสียบประจานที่หน้าประตูเมือง เพื่อมิให้ผู้ใดเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนครอบครัวของมัน ให้ออกไปเนรเทศไปชายแดนทางเหนือ ห้ามมิให้กลับแคว้นต้าเยียนอีกตลอดชีวิต!” ฮ่องเต้สั่งการอย่างเดือดดาล

องครักษ์สองคนเข้ามาจากด้านนอก หามอู๋เฉิงที่หน้าเหมือนปลาตายออกไป

เพราะโกรธจัด หน้าอกฮ่องเต้กระเพื่อมอย่างรุนแรง สีหน้าดำทะมึนราวกับก้นหม้อ เดือดดาลยิ่งนัก

“ในเมื่อสาวใช้ผู้นี้เป็นคนสนิทของฮองเฮา หรือว่าเรื่องนี้ฮองเฮาก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย?”

“ฮองเฮาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่กระหม่อมมิมราบ แต่สาวใช้ผู้นี้เป็นสาวใช้คอยปรนนิบัติข้างกายฮองเฮาจริงๆ” จวินหย่วนโยวตอบตามจริง

ทั้งๆที่รู้เป็นแผนการของฮองเฮา แต่จวินหย่วนโยวกลับไม่อาจยืนยันว่าเป็นฮองเฮาได้ หากชี้ตัวฮองเฮาตรงๆ ฮ่องเต้ที่ขี้สงสัยมาตลอดต้องคิดว่าตนวางสายลับไว้ในพระราชวัง จับตาดูความเคลื่อนไหวของเขากับฮองเฮาแน่ และการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแบบนี้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของเขา และยังสามารถทำให้ฮ่องเต้สงสัยฮองเฮาได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

“ปลุกนางขึ้นมา” ฮ่องเต้สั่งเสียงเย็น

ครั้งนี้รั่วจิ่งเตะสาวใช้นางนั้นอย่างแรงหนึ่งที นางฟื้นขึ้นมาทันที วินาทีที่ลืมตาขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นเย็นเยียบ อำมหิต หวาดระแวง ฮ่องเต้เห็นมันได้อย่างชัดเจนพอดี

เขารู้ดียิ่งนักว่าสายตาเช่นนั้นหมายถึงอะไร หากมิใช่นักฆ่ามืออาชีพ ไม่มีทางมีสายตาเช่นนี้ได้

ไม่คิดเลยว่า คนข้างกายฮองเฮาจะมีนางกำนัลเช่นนี้ด้วย

จื่อย่วนเห็นจวินหย่วนโยวอยู่ข้างๆ ก็สีหน้าแข็งเกร็ง พอมองดูรอบด้าน สุดท้ายสายตานางไปหยุดที่ฮ่องเต้บนบัลลังก์

นางรีบคุกเข่าคารวะทันที “ฝ่าบาท ข้าน้อยมิทราบว่าทำความผิดอะไร เหตุใดต้องมัดตัวข้าน้อยมาที่นี่ด้วย?”

“เจ้ายังมาแก้ตัวอีก เจ้าเป็นคนฆ่าจ้าวเหลียงเหริน ใส่ความฮูหยินของพวกข้า จะถึงที่ตายแล้วยังไม่ยอมรับอีกรึ?” รั่วจิ่งเดือดดาลนัก

จื่อย่วนทำสีหน้าบริสุทธิ์น้อยเนื้อต่ำใจทันที “ขอฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมแก่ข้าน้อยด้วย ข้าน้อยไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอันใดกัน?”

“สตรีเช่นเจ้านี่ช่างหน้าด้านเสียจริง เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งแท้ๆ กลับปลอมตัวเป็นสตรีอ่อนแอ ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” รั่วจิ่งย้อน

“ต่อให้เจ้าเป็นคนข้างกายซื่อจื่อ แต่จะมาปรักปรำข้าเช่นนี้มิได้นะ ข้าเป็นคนของฮองเฮา ไม่เข้าใจสักนิดว่าเจ้าพูดเรื่องอะไรกันแน่?” จื่อย่วนย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว

“หลิงเฟิง!” จวินหย่วนโยวเรียกเสียงเย็น

หลิงเฟิงรีบยื่นหลักฐานออกมา “ฝ่าบาท เครื่องประทินโฉมกล่องนี้เป็นของที่จ้าวเหลียงเหรินใช้ นี่เป็นสิ่งที่ทำมาจากกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้ กลิ่นอ่อนมาก แต่คงอยู่ได้นาน ร่างกายสตรีผู้นี้มีกลิ่นนี้เช่นกัน ฝ่าบาทสามารถให้คนมาพิสูจน์ได้

และต่างหูอันนี้เป็นสิ่งที่ฆาตกรที่ฆ่าจ้าวเหลียงเหรินทำหล่นไว้พอดี ซื่อจื่อให้พวกข้าน้อยไปตรวจสอบดูที่ตำหนักจ้าวเหลียงเหริน ถึงพบเข้า ดังนั้นข้าน้อยจึงกระจายข่าวลือออกไปว่า พบต่างหูข้างหนึ่งที่ตำหนักของจ้าวเหลียงเหริน

แบบนี้จะทำให้ฆาตกรร้อนตัว พอได้ยินข่าว เมื่อคืนก็ทนไม่ไหวไปตำหนักของจ้าวเหลียงเหริน และโดนข้าน้อยจับตัวไว้ได้พอดี ก็คือนาง”

ซูกงกงเข้ามาเอาของสองสิ่งไปถวายฮ่องเต้ทันที

ฮ่องเหล่มอง “เจ้าไป”

“พ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงเปิดเครื่องประทินโฉมนั่นออกดมดู จากนั้นเข้าใกล้จื่อย่วน ตอนนี้นางโดนมัดมือมัดเท้าขยับตัวไม่ได้ ซูกงกงได้กลิ่นทันที

“ฝ่าบาท ข้าน้อยได้กลิ่นเครื่องประทินโฉมนี้จากตัวนางจริงๆ” ซูกงกงบอก

“ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย อาศัยแค่เครื่องประทินโฉมนี้มิอาจอธิบายอะไรได้ สถานที่ขายเครื่องประทินโฉมในเมืองหลวงมีมากมายนัก ใช้แบบเดียวกันมิได้แปลกอะไร ข้าน้อยกับจ้าวเหลียงเหรินมิได้มีความแค้นอันใดต่อกัน จะฆ่านางทำไมกัน?” จื่อย่วนย้อนถาม

“ฝ่าบาท ซวนอ๋องขอเข้าเฝ้า!” ด้านนอกประตู ขันทีร้องบอก

“เชิญ!”

ซวนอ๋องโม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้ามาจากด้านนอก ถวายบังคมฮ่องเต้ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ซื่อจื่อไหว้วานให้กระหม่อมสืบเครื่องประทินโฉมเครื่องหอมของเมืองหลวงทั้งหมด กระหม่อมสืบโดยละเอียดแล้ว เครื่องประทินโฉมที่จ้าวเหลียงเหรินใช้ไม่มีขายที่ใดในร้านของเมืองหลวงเลย นั่นเป็นสิ่งที่นางปรุงขึ้นเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ