“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่ากงกงเป็นคนประเภทที่เห็นเงินทองเป็นเหมือนมูลสัตว์ นี่ถึงจะแสดงถึงความภักดีที่กงกงมีต่อฝ่าบาท รักแคว้นต้าเยียน ข้าขอขอบคุณกงกงแทนราษฎรของแคว้นต้าเยียนด้วย!” หยุนถิงกล่าวชื่นชม
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ซูกงกงสุขกายสบายใจอย่างยิ่ง “นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอย่างยิ่ง”
“กงกงเข้าไปดื่มชาก่อน ข้าจะสั่งให้คนไปหยิบยาพิษมาเดี๋ยวนี้” หยุนถิงกล่าว
“ได้เลย ขอบคุณซื่อจื่อเฟยมาก!” ซูกงกงเข้าไปดื่มชาอย่างรวดเร็ว
มาที่จวนซื่อจื่อหลายครั้งขนาดนี้ ล้วนมาถ่ายทอดคำสั่งทุกครั้ง ยังไม่เคยดื่มชาของจวนซื่อจื่อมาก่อนเลย
ดังนั้นพ่อบ้านลั่วยกน้ำชาเข้าไป ซูกงกงจึงดื่มติดต่อกันไปหลายถ้วย
ไม่นานนัก หยุนถิงก็เดินเข้ามา “ซูกงกง ยาพิษที่ท่านต้องการ”
ซูกงกงมองเห็นแป้งจี่นั่นก็ชะงักงันไปในทันที “ซื่อจื่อเฟย นี่ท่านกำลังล้อบ่าวเล่นอยู่ใช่ไหม แป้งจี่นี่จะเป็นยาพิษได้อย่างไร
“นี่คือแป้งจี่ก็จริง แต่ว่ามันถูกแช่ในยาพิษที่สกัดขึ้นมาพิเศษ ยาพิษนี้ไร้สีไร้กลิ่น แค่ชิ้นเดียวล้มคนนับพันได้ไม่เป็นปัญหา!” หยุนถิงอธิบาย
“ทำไม เจ้าไม่เชื่อคำพูดของซื่อจื่อเฟย?” จวินหย่วนโยวที่ไม่พูดไม่จามาตลอดกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
ซูกงกงตกใจจนตัวสั่น “จวินซื่อจื่อเข้าใจบ่าวผิดแล้ว บ่าวจะสงสัยซื่อจื่อเฟยได้อย่างไร เพียงแต่ว่าเหตุการณ์เกี่ยวพันใหญ่หลวง บ่าวต้องการยืนยันเท่านั้น ซื่อจื่อเฟยแป้งจี่นี่วางยาพิษอย่างไร?”
“ขอเพียงใส่แป้งจี่นี่เข้าไปในกองไฟ วางเอาไว้ตรงทิศทางเหนือลม เช่นนั้นทิศทางใต้ลมอย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่ช้างก็สามารถล้มได้ หมดสติหนึ่งชั่วยามไม่ใช่ปัญหา และเวลาในการจัดเก็บทั้งหมดก็ยาวนาน ถึงแม้เจ้าจะย่างต่อหน้าศัตรู ก็ไม่มีใครสงสัย และการขนส่งก็สะดวกสบาย ผู้คนจะมองว่าเป็นอาหาร คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่านี่คือยาพิษ!” หยุนถิงตอบ
ซูกงกงหยิบแป้งจี่ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ซื่อจื่อเฟยท่านช่างมีสติปัญญาจริงๆ บ่าวขอขอบคุณท่านแทนราษฎรของแคว้นต้าเยียนด้วย”
“สามารถแบ่งเบาภาระฝ่าบาทได้ถือเป็นเกียรติของข้า!”
ซูกงกงรีบพาคนขนแป้งจี่ห้าคันรถม้ากลับไปที่พระราชวัง รายงานการปฏิบัติภารกิจต่อฮ่องเต้ทันที
ฮ่องเต้ได้ยินว่าแป้งจี่หนึ่งชิ้นสามารถทำให้คนนับพันหมดสติได้ ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน “แป้งจี่นี่ร้ายกาจเช่นนี้จริงหรือ?”
“ซื่อจื่อเฟยกล่าวเช่นนี้ แต่ว่าบ่าวก็ไม่เคยลองเช่นกัน” ซูกงกงตอบ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ลองดูแล้วกัน เรื่องเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของพรมแดนระหว่างแคว้นเทียนจิ่วกับแคว้นต้าเยียน เจ้าไประดมพลมาเดี๋ยวนี้ จำไว้ว่าอย่าสร้างความเอิกเกริกมากเกินไป!” ฮ่องเต้กำชับ
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซูกงกงให้องครักษ์ของพระราชวังอยู่รับผิดชอบรักษาการณ์ องครักษ์คนอื่นๆล้วนระดมพลกันที่ด้านหน้าพระตำหนัก
ฮ่องเต้เดินออกมา มองไปทางทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้ เพราะต้องการจะดูว่าการฝึกฝนในเวลาปกติของทุกคนเป็นอย่างไร พวกเจ้ารับผิดชอบความปลอดภัยของพระราชวัง แน่นอนว่าต้องเป็นบรรดาทหารที่ข้าไว้วางใจที่สุดอยู่แล้ว!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ทหารทุกคนรีบฝึกซ้อมกันขึ้นมาทันที
ขันทีตัวน้อยสองคนยกเตาไฟเดินไปทางเหนือลม จากนั้นก็โยนแป้งจี่ที่หยุนถิงให้เข้าไปในเตาไฟและเผาขึ้นมา
ไม่นานนัก บรรดาทหารที่กำลังฝึกฝนกันอยู่ก็รู้สึกเวียนหัวตาลาย ไม่มีเรี่ยวแรง พวกเขายังไม่ทันได้รายงานต่อฝ่าบาท ก็ล้มลงไปทีละคน
ฮ่องเต้เต็มไปด้วยความยินดีและพึงพอใจ “หยุนถิงไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ เจ้าส่งคนไปรายงานซวนอ๋องเดี๋ยวนี้ ให้เขาหาคนสนิทสองสามคนส่งแป้งจี่นี่ไปที่ชายแดนทันที!”
“พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าฝ่าบาท จู่ๆบรรดาทหารก็ล้มลงไปหมด บ่าวกลัวว่าพระองค์จะไม่ปลอดภัย!” ซูกงกงกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“นี่คือพระราชวังของข้า ยังจะมีใครมาลอบโจมตีหรืออย่างไร รีบไปจัดการธุระเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้กล่าวอย่างเย็นชา
ซูกงกงตัวสั่นขึ้นมา “ฝ่าบาทสั่งสอนถูกต้องแล้ว บ่าว------”
เพียงแต่ว่าคำพูดของซูกงกงยังไม่ทันได้พูดจบ จู่ๆกลุ่มคนชุดดำก็ลอยลงมาจากฟ้า ถือกระบี่ยาวเอาไว้ในมือและแทงไปทางฮ่องเต้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...