จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 575

ในห้องหนังสือ

จวินหย่วนโยวพูดเรื่องที่คงอู๋ไต้ซือทำนายให้หยุนถิงออกมา ทำเอาโม่เหลิ่งเหยียนอึ้งตะลึงไปเลย สีหน้าตึงเครียด มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หยุนถิงจะมีเคราะห์กรรมเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าแน่ใจรึว่าคงอู๋ไต้ซือนั่นมิใช่ตัวปลอม?” โม่เหลิ่งเหยียนที่พูดน้อยคำมาแต่ไหนแต่ไรกลับถามออกมาเป็นชุด

จวินหย่วนโยวก็มีสีหน้าตึงเครียดเช่นกัน “ในโลกนี้มีใครหาญกล้าปลอมเป็นคงอู๋ไต้ซือกันบ้างเล่า!”

คำพูดเดียวทำเลือดในตัวโม่เหลิ่งเหยียนแข็งค้าง ใช่สิ นั่นน่ะเสมือนเทพเซียนในสายตาประชาชนทั้งสี่แคว้นเชียวนะ ไม่มีใครกล้าแอบอ้างเป็นคงอู๋ไต้ซือแน่นอนอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นยังต่อหน้าจวินหย่วนโยวอีก

“ไม่มีหนทางแก้ไขรึ? ในเมื่อเขารู้เคราะห์กรรมของหยุนถิง ย่อมต้องมีวิธีตั้งรับสิ ข้าจะไปหาเขา!” น้ำเสียงโม่เหลิ่งเหยียนฉาบแววร้อนรนและกังวล

“ไม่ต้องดอก คงอู๋ไต้ซือสลบไปแล้ว!”

“เพราะเหตุใด?”

“ไต้ซือทำนายวิธีแก้เคราะห์กรรมให้หยุนถิง ถูกย้อนกลับแล้ว น่ากลัวคงสลบสักระยะ เขาพูดแค่เพียงว่าเคราะห์กรรมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับวังหลวงและตระกูลหยุน ดังนั้นจะให้หยุนถิงเข้าวังหรือกลับตระกูลหยุนมิได้!” หายากนักที่จวินหย่วนโยวจะอดทนอธิบายเยี่ยงนี้

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าสั่งการคนของหอดวงจันทร์ได้ตามใจ ต้องคุ้มครองหยุนถิงให้ได้!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดออกมาอย่างไม่คิดเลยสักนิด

วินาทีนี้เขาเพียงแค่ไม่อยากให้หยุนถิงเกิดเรื่อง จะเกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด

หากเป็นยามปกติ จวินหย่วนโยวต้องหึงเดือดแล้ว และเสียดสีเย้ยหยันโม่เหลิ่งเหยียนแน่ แต่วินาทีนี้จวินหย่วนโยวมิได้ทำ ตรงกันข้ามกลับตื้นตันยิ่งนัก

หอดวงจันทร์คืออำนาจที่โม่เหลิ่งเหยียนควบคุมมาหลายปี และเป็นอำนาจลับที่สุดของเขา เขายอมให้ตนสั่งการได้ตามใจเพื่อถิงเอ๋อร์ เห็นถึงความเป็นห่วงของเขาที่มีต่อหยุนถิง

โม่เหลิ่งเหยียนเห็นจวินหย่วนโยวจ้องมองตนนิ่งไม่พูดอะไร ก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “เจ้าถลึงตาใส่ข้าทำไม ทั้งหมดนี้ข้าทำเพื่อหยุนถิง เห็นนางเป็นสหายรู้ใจ มิได้คิดเป็นอย่างอื่น!”

“ขอบคุณมาก!” คำพูดนี้ จวินหย่วนโยวพูดออกมาจากใจจริง

“ไม่ต้อง ขอเพียงหยุนถิงปลอดภัยก็พอ!”

ใครก็ไม่รู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนกับจวินหย่วนโยวคุยอะไรกันสองคนในห้อง โม่เหลิ่งเหยียนอยู่ในห้องหนังสือของจวินหย่วนโยวตลอดบ่าย จนฟ้ามืดถึงออกจากห้องหนังสือ

หยุนถิงหลับไปตลอดบ่าย ตอนออกมา ก็เห็นโม่เหลิ่งเหยียนกับจวินหย่วนโยวออกมาจากห้องหนังสือด้วยกัน ก็อดแปลกใจไม่ได้

“พวกท่านสองคนมีอะไรกันรึ?”

ปกติสองคนนี้เจอหน้าเป็นต้องกัดกัน หายากนะที่จะเห็นพวกเขาสองคนคุยกันด้วยดีอย่างนี้ได้

“ข้ามาหาจวินหย่วนโยวมีธุระนิดหน่อย ช่วงนี้เจ้ายังดีอยู่ใช่หรือไม่?” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

เขาหันมองหยุนถิง ดูสีหน้ายังดีอยู่ มีแววเหนื่อยล้าบนนั้นอยู่ หน้าท้องนูนขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วน่าจะห้าเดือนได้แล้วกระมัง

“ข้าสบายดีนี่ ขอบคุณซวนอ๋องที่เป็นห่วง” หยุนถิงอดสงสัยไม่ได้ ทำไมโม่เหลิ่งเหยียนถึงถามตนเช่นนี้

พ่อบ้านเดินเข้ามา “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย อาหารค่ำเตรียมพร้อมแล้ว จะทานเลยหรือไม่ขอรับ?”

“เริ่มเลยแล้วกัน หากซวนอ๋องว่าง ก็อยู่กินข้าวด้วยกันสิ!” จวินหย่วนโยวชวน

“ได้!”

หยุนถิงมองมาอย่างสงสัย “ท่านพี่ ไม่เหมือนท่านเอาเสียเลยนะ ใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา “ข้าใจแคบตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“กับซวนอ๋องน่ะ ท่านใจแคบมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านออกปากชวนซวนอ๋องกินข้าวที่จวนซื่อจื่อเลยนะ” หยุนถิงเปิดโปงเขาอย่างไม่ไว้หน้าสักนิด

จวินหย่วนโยวมุมปากกระตุก เขาใจแคบขนาดนี้ในสายตาถิงเอ๋อร์เลยรึ

โม่เหลิ่งเหยียนเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของจวินหย่วนโยว ก็อารมณ์ดีนัก “ใจแคบจริงๆ ต่อไปข้าจะมากินสักหลายครั้ง เขาก็จะชินไปเองล่ะ”

“เจ้ายังคิดมีครั้งต่อไป ฝันไปเสียเถอะ!” จวินหย่วนโยวถลึงตาใส่อย่างเดือดดาล

โม่เหลิ่งเหยียนไม่สนใจเขา เดินตรงไปเรือนข้างอย่างรู้จักเส้นทาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ