จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 649

สรุปบท บทที่ 649 เจ้ายังไม่คู่ควรให้ข้าเกลียดเจ้า: จอมนางข้ามพิภพ

สรุปเนื้อหา บทที่ 649 เจ้ายังไม่คู่ควรให้ข้าเกลียดเจ้า – จอมนางข้ามพิภพ โดย Anonymous

บท บทที่ 649 เจ้ายังไม่คู่ควรให้ข้าเกลียดเจ้า ของ จอมนางข้ามพิภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anonymous อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เริ่นเซวียนเอ๋อร์ชำเลืองมองน้ำแกงโสมที่หกบนพื้น ยังมีหนอนพิษกู่ตัวนั้น พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “หนอนพิษกู่ที่เก่งกาจปานนี้ยังตายแล้ว เห็นได้ว่ายาพิษนี้ร้ายแรงนัก”

หยุนถิงมองทางลั่วผิน “ท่านควรจะขอบคุณลูกสาวข้า ถ้าไม่ใช่นางทำน้ำแกงโสมของท่านหก กลัวว่าเวลานี้ท่านคงเป็นศพร่างหนึ่งแล้ว”

ลั่วผินตกใจจนมึนงงไปตั้งนานแล้ว “ขอบใจมากนะจวิ้นจู่น้อย ขอบใจมาก เป็นข้าที่ไม่รู้จักถูกผิด เป็นข้าเข้าใจผิดจนตำหนิเจ้าแล้ว”

ลั่วผินพูดอยู่ รีบมองทางฝ่าบาททันที “ฝ่าบาทเพคะ ขอให้ฝ่าบาททรงจัดการให้หม่อมฉันด้วยเพคะ คาดมิถึงมีคนวางยาพิษหม่อมฉันในงานเลี้ยงต้อนรับ ถ้าหม่อมฉันเกิดเรื่องขึ้นเช่นนั้นลูกในท้องของหม่อมฉันก็คงไม่รอดเช่นกัน นี่คือเขากำลังฆ่าทายาทฮ่องเต้นะเพคะ ฝ่าบาทได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับหม่อมฉันด้วยเพคะ!”

ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วโกรธเคืองทันใด “กล้าวางยาพิษที่งานเลี้ยงต้อนรับทำร้ายทายาทของข้า ร้ายกาจที่สุดเสียจริง ชิวรื่อป่ายข้าขอสั่งเจ้าไปสืบค้นเรื่องนี้ จักต้องหาคนที่วางยาพิษมาให้ได้ ไม่ว่าเป็นผู้ใด ข้าไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ชิวรื่อป่ายลุกขึ้นรับบัญชา

หยุนถิงชายตามองเขาแวบหนึ่ง รูปร่างทั่วไป หน้าตาก็ธรรมดามาก เป็นคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนมองแวบหนึ่งก็จำไม่ได้ประเภทนั้น เมื่อสักครู่หยุนถิงก็ไม่ทันสังเกตเห็นคนผู้นี้

“แคว้นเทียนจิ่วมีคนกล้าวางยาพิษในงานเลี้ยงต้อนรับของข้า ขัดความสนุกเสียจริง งานเลี้ยงนี้อยู่ต่อไปก็เท่านั้น! ถิงเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถิด” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเย็นชา

“ได้!” หยุนถิงรีบจูงมือของจวินเสี่ยวเหยียนไว้ หมุนตัวแล้วเดินไป

ฮ่องเต้ทรงทำหน้าเคร่งขรึมและหงุดหงิด กลับไม่ได้เรียกจวินหย่วนโยวเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว พระองค์ก็ทรงกลัดกลุ้มใจที่สุด เดิมทีไม่มีความคิดจะฉลองต่อไป

เวลานี้จวินหย่วนโยวพูดออกมา กลับไม่ต้องให้พระองค์ตรัสออกมา

“งานเลี้ยงต้อนรับในวันนี้ก็พอแค่นี้ ทุกคนแยกย้ายเถิด” ฮ่องเต้ลุกขึ้นแล้วเสด็จไป

ทุกคนต่างพากันกลับ ผิงหนานอ๋องมองทางภาพด้านหลังของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง นัยน์ตาอันเฉยชาเผยความชั่วร้ายออกมา ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปตาม

ออกมาจากพระราชวัง เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบตามเข้ามา “หยุนถิงคืนนี้ขอโทษด้วย ข้าก็นึกไม่ถึงว่าจะมีคนวางยาพิษลั่วผิน นางผู้นั้นปกติปากไม่มีหูรูด ไม่รู้ว่าผิดใจผู้ใดไปบ้างแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะเข้าไปหาเจ้า พาพวกเจ้าไปเที่ยวชมรอบๆ”

“ได้ ขอบคุณนะ” หยุนถิงและคนอื่นขึ้นรถม้ามุ่งตรงไปที่ตำหนักรับรอง

จวินเสี่ยวเทียนกินอาหารไปไม่น้อย เวลานี้แอบอิงอยู่ในอ้อมอกจวินหย่วนโยวหลับไปแล้ว ส่วนจวินเสี่ยวเหยียนเพราะไม่มีหนอนพิษกู่แล้ว อารมณ์หดหู่มากนัก นั่งอยู่ไม่พูดจา

“ท่านพี่ เรื่องคืนนี้ท่านมองเช่นไร?”

ดวงตาที่ดำมืดดุจยามค่ำคืนของจวินหย่วนโยวหรี่ขึ้นเล็กน้อย “น่าจะเป็นเพียงอุบัติเหตุ ไม่ใช่พุ่งเป้ามาที่พวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเสี่ยวเหยียนจะวิ่งเข้าไปเล่น และชนลั่วผินเข้าพอดี!”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น ไม่รู้ว่าผู้ใดใจกล้าปานนี้เชียว คาดไม่ถึงกล้าลงมือในงานเลี้ยงต้อนรับ ดูแล้วพระราชวังของแคว้นเทียนจิ่วนี้สถานการณ์ไม่มั่นคงนัก” หยุนถิงพูดทอดถอนใจ

“ไม่ว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร ขอเพียงพวกเขาไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พวกเรา ย่อมไม่ต้องสนใจ!” จวินหย่วนโยวพูดปลอบใจ

“ได้!”

ทางนี้ ลั่วผินกลับมายังตำหนักของตนเอง ตกใจแทบแย่ รีบให้คนนำข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดในตำหนักมาตรวจสอบอย่างละเอียดรอบหนึ่ง

เป็นผู้ใดคิดร้ายต่อตนเองกันแน่ คาดไม่ถึงวางยาพิษต่อตนเองในงานเลี้ยงต้อนรับ มีความคิดชั่วร้ายมาก

วินาทีนี้ ลั่วผินรู้สึกซาบซึ้งใจต่อจวินเสี่ยวเหยียนทันใด ถ้าไม่ใช่นางไม่ระวังมาชนตนเองเข้า กลัวว่านางคงตายแล้ว

ทันใดนั้นลั่วผินก็นึกถึงคนผู้หนึ่งแล้ว จะต้องเป็นเซียวเฟยแน่ ก่อนหน้านี้นางพูดจาอย่างมีนัยแฝงปานนั้นต้องเป็นนางที่วางยาพิษตนเองแน่

ลั่วผินคิดถึงตรงนี้ จึงรีบลุกขึ้นเรียกสาวใช้คนสนิทของตนเองแล้ว มุ่งตรงไปที่ตำหนักของเซียวเฟย

“เซียวเฟย เป็นเจ้าที่วางยาพิษในน้ำแกงโสมของข้าหรือไม่?” ลั่วผินถามอย่างตรงไปตรงมา

“ขอรับ ท่านพ่อก็รีบพักผ่อนเหมือนกัน”

เห็นเซียจิ่วเซียวเดินไป ผิงหนานอ๋องหมุนตัวแล้วไปที่ห้องหนังสือแล้ว พอปิดประตูห้อง เขาก็เข้าไปในห้องลับ

ห้องลับอันกว้างใหญ่ ตำแหน่งตรงกลางสุดวางน้ำแข็งหมื่นปีไว้ก้อนหนึ่ง ส่วนตรงกลางน้ำแข็งมีผีเสื้อโลหิตตัวหนึ่ง วินาทีนี้ผีเสื้อโลหิตตัวนั้นไม่ขยับเขยื้อน ราวกับตายไปแล้ว

ผิงหนานอ๋องหยิบกริชด้านข้างเข้ามา กรีดฝ่ามือของตนเองขาด นำเลือดสดหยดลงบนน้ำแข็ง

เลือดสดสีแดงเข้มไหลลงตามน้ำแข็ง ผีเสื้อโลหิตที่เดิมทีไม่ขยับทันใดนั้นได้กลิ่นอายที่คุ้นเคยเข้า กระพือปีกอย่างรุนแรงแล้วดูดกินเลือดสดพวกนั้น

แต่ว่าพริบตาเดียว เลือดสดพวกนั้นล้วนเข้าไปในปากของผีเสื้อโลหิตแล้ว ผีเสื้อโลหิตกระพือปีกอย่างพอใจอย่างยิ่ง และหยุดนิ่งลง

“เจ้าตัวน้อย ข้าเลี้ยงเจ้ามาสิบกว่าปี ในที่สุดตอนนี้ถึงเวลาใช้ประโยชน์แล้ว”

เสียงที่น่าสะพรึงกลัว ดังก้องอยู่ทั่วทั้งห้องลับ ตั้งนานยังไม่สลายไป

คืนนั้น พอหลังช่วงตีหนึ่งองครักษ์ลับหลายสิบคนอาศัยการกำบังของท้องฟ้ายามค่ำ มุ่งตรงไปยังตำหนักรับรองของแคว้นเทียนจิ่ว

ส่วนเหล่าองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับที่หมอบอยู่บนกำแพงตำหนักรับรองพอเห็นมีคนมาลอบโจมตี รีบล้วงปืนที่ก่อนหน้านี้ซื่อจื่อเฟยให้พวกเขาแต่ละคนไว้ออกมายิงปืนโดยตรง

คนที่ลอบโจมตีพวกนั้นล้วนไม่ทันตอบสนองกลับมาว่าเกิดเรื่องอะไร และไม่ได้ยินเสียง แต่ละคนล้มลงพื้นกะทันหัน

ผู้ลอบโจมตีคนอื่นพอเห็นเข้า ชั่วขณะนั้นตกใจแทบแย่ คิดว่าแปลกประหลาดนัก พวกเขาจึงไม่สนใจไปสังหารแล้ว รีบล่าถอยหลบหนีกัน

เพียงแต่องครักษ์เงามังกรไม่ให้โอกาสพวกเขาแม้แต่น้อย โจมตีฆ่าทั้งหมดแล้ว ไม่ปล่อยไว้สักคนเดียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ