จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 769

“รั่วจิ่ง นี่เจ้ากำลังทำอะไร?” สาวใช้ถามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

รั่วจิ่งในเวลาปกติมีมารยาทมาก ไม่เคยดูถูกนาง เพียงเพราะนางเป็นแค่สาวใช้มาก่อน ตรงกันข้ามกลับเข้ากับนางได้เป็นอย่างดี วันนี้รั่วจิ่งเอาแต่ใจเช่นนี้ น่าแปลกจริงๆ

คนอื่นๆล้วนมองมาทางด้านนี้ คืนนี้รั่วจิ่งผิดไปจากปกติเล็กน้อย ทุกคนล้วนกำลังรอชมการแสดง

รั่วจิ่งกับหลันซานสองคนนี้ พวกเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตา ความจริงทุกคนต่างรอคอยให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ว่าในตอนช่วงเวลาสำคัญรั่วจิ่งกลับขี้ขลาดมาก ไม่พูดมันให้ชัดเจนมาโดยตลอด

“รั่วจิ่ง เจ้า------” หลันซานรู้สึกไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเล็กน้อย

นาทีต่อมา รั่วจิ่งก็จับแขนของหลันซานเอาไว้ กล่าวด้วยความโกรธเล็กน้อย “หลันซาน ทำไมเจ้าจะต้องกินขนมถั่วเขียวของคนอื่นด้วย!”

หลันซานถึงได้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “ข้ากับโจวมู่ทำงานด้วยกัน เขารู้ว่าข้าชอบกินขนมถั่วเขียว บังเอิญวันนั้นผ่านทางก็เลยซื้อกลับมาให้ข้าหนึ่งกล่อง ข้าได้ยินสาวใช้บอกว่า วันนั้นเจ้าก็ไปที่ร้านขายยาเช่นกัน ทำไมเจ้าไม่ไปหาข้า แถมยังมอบขนมถั่วเขียวให้กับบ่าวรับใช้ชายหนึ่งกล่อง?”

รั่วจิ่งยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ “เจ้ายังต้องให้ข้าหาเจ้าอีกหรือ มีโจวมู่คนนั้นแล้วไม่ใช่หรือ เขายังป้อนขนมถั่วเขียวให้เจ้าอยู่เลย เจ้าไม่มีมือหรือ?”

หลันซานก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยแล้วเช่นกัน “ข้ามีมือหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ถ้าหากเจ้ามาเพื่อหาเรื่องทะเลาะกับข้า ข้าก็ไม่อยากพูด”

ได้ยินเสียงที่โมโหของนาง สีหน้าของรั่วจิ่งยิ่งไม่น่าดูขึ้นมาเล็กน้อย

ทุกคนล้วนนึกว่าพวกเขาสองคนจะทะเลาะกันขึ้นมา กำลังคิดจะเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม แต่แล้วก็เห็นรั่วจิ่งปล่อยมือของหลันซาน จากนั้นก็ร้องไห้โฮขึ้นมา

“หลันซานเจ้ามันคนไร้มโนธรรม ขโมยหัวใจของข้าไป ยังไม่ต้องการข้าอีก ข้าไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”

คนอื่นๆล้วนตะลึงงันไป หลงเอ้อก็ยิ่งเต็มไปด้วยความมึนงง “หลิงเฟิง ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม หรือว่ารั่วจิ่งนี่คือผู้หญิงร้องไห้โวยวายและแขวนคอในตำนาน?”

“ข้าคิดว่าใช่” หลิงเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ข้ารู้จักรั่วจิ่งมาสิบกว่าปี ยังไม่เคยเห็นเขาร้องไห้มาก่อนเลย วันนี้ข้าต้องชมการแสดงให้ดีแล้ว” ใบหน้าของหลงซานเต็มไปการยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น

“เกรงว่าเจ้าหมอนี่คงจะจริงจังขึ้นมาแล้ว” หลงซื่อเบะปาก

“ผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่งร้องไห้ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ก็มีแต่เขาแหละที่สามารถทำได้”

“เจ้าจะไปรู้อะไร นี่เรียกว่าหน้าหนา หากไม่หนาแล้วจะจีบหลันซานได้อย่างไรกัน”

“ได้รับการสั่งสอนแล้วจริงๆ”

ฟังเสียงกระซิบวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน หลันซานก็กระอักกระอ่วนสุดขีดเช่นกัน “รั่วจิ่ง เจ้าอย่าก่อกวนสิ”

“ข้าไม่ได้ก่อกวน ข้าชอบเจ้ามานานหลายปีแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่าไม่คู่ควรกับเจ้า ซื่อจื่อเฟยเป็นคนทำให้ข้าได้สติ

นางบอกว่าเจ้าไม่สนใจหรอกว่าเส้นเอ็นข้อมือและเท้าของข้าจะขาดหรือไม่ คนที่เจ้าต้องการคือคนที่ห่วงใยเจ้า ให้ความสำคัญกับเจ้า และรักเจ้าจริงๆ

เมื่อก่อนข้ามักจะคิดว่าตัวคนเดียวก็ดีเหมือนกัน ตัวเองกินอิ่มทั้งครอบครัวไม่ต้องทนหิว และก็นึกว่าตัวเองจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปตลอดชีวิต

แต่จนได้มาพบเจ้า ตอนนั้นเห็นเจ้าอัปลักษณ์ขนาดนั้น ข้ากลัวว่าเจ้าจะคิดสั้น ถึงได้ปลอบโยนเจ้าไปสองสามคำ ต่อมาถึงได้พบว่าดูเหมือนข้าจะจุ้นจ้านไป

เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างดี และมีความคิดกว้างขวาง มองโลกในแง่ดี มีความคิดเป็นของตัวเองมาก แถมยังไม่สนใจความคิดของคนอื่น เป็นแค่ตัวเองเท่านั้น

ความจริงข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้เห็นเจ้าทุกวันมันกลายเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งแล้ว

ไม่เห็นเจ้าก็จะคิดถึงเจ้า ออกไปปฏิบัติภารกิจก็จะคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ พบกับสิ่งของแปลกใหม่สิ่งแรกที่คิดก็คือจะซื้อมันให้เจ้า-----

หลันซาน ชาตินี้ข้าตื้อเจ้าไม่เลิกแล้ว ถึงแม้เจ้าจะไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ หากเจ้าไม่ต้องการข้า ข้าจะไปกระโดดแม่น้ำเดี๋ยวนี้แหละ!” รั่วจิ่งอาศัยฤทธิ์สุรา กล่าวคำพูดที่ฝังลึกอยู่ในใจออกมาจนหมด

หลันซานฟังจนเบ้าตาแดงก่ำ นางย่อมรู้ความรู้สึกที่รั่วจิ่งมีต่อตัวเอง ยิ่งรู้หัวใจตัวเองดี มิเช่นนั้นจะรอมาหลายปีขนาดนี้ได้อย่างไร

ตอนนั้นนางมาที่จวนซื่อจื่อ รั่วจิ่งเป็นคนแรกที่ห่วงใยนาง พูดคุยกับนางบ่อยๆ นำของกระจุกกระจิกมาให้นาง ดูแลนาง------

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ