จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 89

“องค์หญิงเจ็ดรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่เป็น งั้นเจ้าฟังให้ดีนะ ในเดือนที่สองของปฏิทินจันทรคติ หญ้าค่อย ๆ แตกหน่อเติบโต นกกระจิบสีเหลืองบินไปรอบ ๆ ต้นหลิวที่โบกสะบัดทำนบด้วยหมอกในฤดูใบไม้ผลิ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านก่อนเวลา อาศัยลมฤดูใบไม้ผลิเล่นว่าวกระดาษปลิวว่อน” หยุนถิงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน

โม่ชิวหยีนิ่งอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ เจ้าแต่งกลอนได้อย่างไร เจ้าลอกเลียนแบบของคนอื่นมา?”

“ในเมื่อองค์หญิงเจ็ดไม่เชื่อ งั้นข้าแต่งให้อีกสักหลายบท ดอกท้อสองสามกิ่งนอกป่าไผ่บานเป็นครั้งแรก เป็ดที่เล่นน้ำเป็นตัวแรกสังเกตเห็นความอุ่นของแม่น้ำในต้นฤดูใบไม้ผลิ ชายหาดริมแม่น้ำเต็มไปด้วยชิงเฮา ต้นอ้อแตกหน่อออกใหม่สั้นๆ ปลาปักเป้ากำลังจะว่ายทวนน้ำจากทะเลไปยังแม่น้ำ”

“ยอดเยี่ยมจริงๆ แนวคิดบทกวีของคุณหนูหยุนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ดอกท้อผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ สรรพสิ่งต่างเกิดใหม่ เป็ดแหวกว่ายในน้ำ ยังมีชิงเฮา ต้นอ้อ ปลาปักเป้า ล้วนเป็นทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิจริงๆ” ขุนนางพลเรือนคนหนึ่งพูดชม

ขุนนางท่านอื่นต่างก็พูดชื่นชม ล้วนคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะแต่งกลอนได้เก่งขนาดนี้

สีหน้าโม่ชิวหยีย่ำแย่อย่างมาก พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “เจ้าต้องโกงแน่ๆ เมื่อกี้แม้แต่ท่องกลอนเจ้ายังทำไม่ได้เลย จะแต่งกลอนได้ยังไง?”

“องค์หญิงเจ็ดพูดไม่ถูกต้องนะ ใครบอกว่าข้าท่องกลอนไม่เป็น ข้าเพียงแค่ไม่อยากแข่งกับพวกที่สวยแต่กระบวนท่า แต่ใช้การจริงไม่ได้อย่างพวกเจ้า” หยุนถิงพูดตอบ

คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนโกรธไปหมด

“เจ้า เจ้าว่าใครสวยแต่กระบวนท่า แต่ใช้การจริงไม่ได้?” โม่ชิวหยีพูดขึ้นอย่างโมโห

“องค์หญิงเจ็ดจะโกรธขนาดนี้ทำไม เข้าก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างข้ากับฟู่ซื่อจื่อ” หยุนถิงพูดเสนอ

“ได้ วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้า” โม่ชิวหยีกัดฟันพูด แล้วก็ท่องกลอนฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาหนึ่งบท

สายตาฟู่อี้เฉินหรี่ลง มองพิจารณาดูหยุนถิง ผู้อัปลักษณ์คนนี้จะต้องเป็นแมวตาบอดเจอหนูตายแน่ แล้วเขาก็ท่องมาอีกบท

หยุนถิงก็พูดขึ้นมาว่า บทกวีถังซ่งสามร้อยบท แต่งไม่เป็นก็ขโมยได้ นางจะกลัวอะไร เวลานี้ช่างเห็นใจสติปัญญาของคนโบราณจริงๆ

จากนั้นก็ถึงโม่ชิวหยี ไปมาอยู่แบบนี้ สุดท้ายโม่ชิวหยีท่องถึงรอบที่สี่ก็พูดไม่ออกแล้ว ส่วนฟู่อี้เฉินก็ท่องถึงสิบก็ตะกุกตะกักแล้ว

ส่วนหยุนถิง สีหน้าสบายอกสบายใจ อ้าปากก็ท่องกลอนได้เลย แต่ละบทก็เด็ดๆทั้งนั้น มีเอกลักษณ์ พวกขุนนางต่างฟังอยู่อย่างชื่นชม

“บางทีเจ้าของสวนอาจกังวลว่าเท้าของข้าจะไปเหยียบย่ำตะไคร่น้ำที่เขาหวงแหน ข้าจึงเคาะประตูเบา ๆ แต่ก็ไม่เปิดอยู่เนิ่นนาน แต่ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิในสวนนี้ไม่สามารถปกปิดได้ มีกิ่งก้านดอกซิ่งแดงยื่นออกมาจากกำแพง” หยุนถิงท่องขึ้นมาอีกหนึ่งบท

“ดอกซิ่งแดงออกกำแพง ฮ่าๆ หยุนถิงเจ้าช่างกล้าพูดจริงๆ” ฟู่อี้เฉินพูดดูถูก

“ข้าพูดไม่ผิดนี่ ดอกซิ่งแดงถึงแม้จะหมายถึงผู้หญิง นั่นก็เพราะผู้ชายของนางไม่ได้เรื่อง หากผู้ชายของตนเององอาจเกรียงไกร ผู้หญิงจะไปคบชู้หรือ” หยุนถิงพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย

“เจ้า เจ้าผู้หญิงอัปลักษณ์ ช่างไม่รู้จักอับอาย” ฟู่อี้เฉินโกรธโมโหจนหน้าตาบูดบึ้ง

คนอื่นยิ่งหน้าแดงไปหมด ล้วนหันมามองอย่างดูถูก หยุนถิงคนนี้ ไม่มีอะไรมาหยุดปากไว้ได้จริงๆ อะไรก็กล้าพูด

“ดอกไม้สีแดง ปุยกระจายไปตามลม พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้น ฤดูใบไม้ผลิจางไกลออกไป มีเพียงเสียงนกร้อง ไม่มีใครไปมา มีเพียงชายฉกรรจ์” หยุนถิงท่องต่อ

สีหน้าฟู่อี้เฉินบึ้งตึง แทบจะเป็นลมไป

“เอาล่ะ ยอมแพ้ก็ยอมแพ้ เป็นผู้ชายอกสามศอก แพ้ได้ยอมรับได้” ฮ่องเต้ทนดูไม่ไหวแล้ว

เขาคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะแต่งกลอนได้เก่งขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าหลอกล่อฟู่อี้เฉิน ชิวหยียิ่งเทียบนางไม่ได้เลย เด็กคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่

ซูชิงโยวดูอยู่อย่างชื่นชมตื่นเต้นมาก คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะมีความสามารถขนาดนี้ แต่งกลอนได้ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่ตนเองก็สู้นางไม่ได้ จึงไม่เป็นกังวลแทนนางแล้ว นางจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด

ฟู่อี้เฉินพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “อันนี้ข้าแพ้ แต่ข้ายังจะแข่งอย่างอื่นกับเจ้า ครั้งนี้ข้าเป็นคนเลือกเอง"

“ได้ ให้ความร่วมมือเต็มที่” หยุนถิงพูดขึ้น

“งั้นแข่งวาดรูปกัน”

“ได้”

ฮูหยินเฒ่าฟู่ก็อยากรู้ความสามารถของหยุนถิง น่าทึ่งเหมือนแม่ของนางไหม จึงรีบสั่งคนไปนำหมึกพู่กันมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ