จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 91

รูม่านตาดำขลับลึกล้ำของฮ่องเต้หรี่ลงเล็กน้อย พินิจมองหยุนถิงอย่างถ้วนถี่ ส่วนนางเวลานี้ กำลังกัดแทะอุ้งตีนหมูชิ้นมโหฬารอยู่เต็มสองมือ กินอย่างเอร็ดอร่อย ดูตะกละตะกลามอย่างหาใดเปรียบ มุมปากยังถึงกับเปื้อนคราบน้ำมันจากแกง สองตาจ้องมองไปที่อาหารบนโต๊ะโดยไม่เสียเวลาเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งได้เห็นนางวาดภาพด้วยตาตัวเอง เกรงว่าต่อให้โดนตีตายก็คงเชื่อไม่ลงแน่ ว่าฝีแปรงที่สื่อถึงอารมณ์อันลึกซึ้งระดับนั้นจะมาจากมือของนาง

ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ สามารถถ่ายทอดสาระสำคัญได้โดยใช้จังหวะการสะบัดพู่กันเพียงไม่กี่ครั้ง ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ เขาจะประเมินนางต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ

"ในแง่ของการวาดภาพ ข้าคิดว่าของคุณหนูหยุนดีกว่าระดับหนึ่งนะ" ฮูหยินเฒ่าฟู่เอ่ยปากชมโดยไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย

สีหน้าของฟู่อี้เฉินดำคล้ำทะมึน: " ท่านป้าสะใภ้ นี่ข้ายังเป็นหลานชายแท้ ๆ ของท่านอยู่หรือไม่?"

“แน่นอนว่าต้องเป็นอยู่แล้วสิ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดจริงแท้แบบถ้าปลอมยอมให้เอามาเปลี่ยนเลยเชียวล่ะ แต่ข้ามองที่เรื่องไม่ได้มองที่คน ที่บอกว่าทักษะการวาดภาพของคุณหนูหยุนดีกว่าระดับหนึ่งมันคือเรื่องจริง ข้าก็พอจะมองออกอยู่ว่านี่ไม่ใช่ระดับมาตรฐานที่แท้จริงของเจ้า ครั้งต่อไปเมื่อเจ้าวาดภาพ ก็จงปล่อยวางความเย่อหยิ่งและความหุนหันพลันแล่นลงบ้าง ควบคุมสติอารมณ์ให้สงบนิ่ง " ฮูหยินเฒ่าฟู่อธิบาย

นางได้เห็นฟู่อี้เฉินมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ รับรู้ถึงความสามารถและระดับฝีมือของเขาเป็นอย่างดี ยิ่งรู้ถึงความบาดหมางระหว่างเด็กคนนี้กับจวินหย่วนโยวด้วย อาจเป็นเพราะเมื่อครู่เขาโกรธจนขาดสติ จึงเป็นเหตุให้สูญเสียระดับมาตรฐานเดิมที่เคยมี

ฟู่อี้เฉินสีหน้าหงุดหงิดเต็มที่ จึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ฝ่าบาทกับไทเฮาแทน

“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของท่านป้า ถ้ามองแค่เฉพาะภาพวาดสองภาพนี้ ภาพของหยุนถิงดีกว่าระดับหนึ่งจริง ๆ” ฮ่องเต้ตรัสชม

ไทเฮาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ทุกคนถึงกับตะลึงจนตาค้างไปเลย ชั่วขณะนั้นพวกเขาต่างก็มองไปที่หยุนถิง ไม่เหลือแววตาเยาะเย้ย เหยียดหยาม รังเกียจ หรือขยะแขยงแบบก่อนหน้านี้อีกต่อไป ----- แต่เป็นความรู้สึกตื่นตะลึงยินดี จนถึงขั้นชื่นชมยกย่องเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน

ถ้าไม่ใช่เพราะได้เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะไปคิดล่ะว่าจอมสำรวยอันดับหนึ่งของแคว้นต้าเยียน เศษสวะที่โง่เขลาไร้ความรู้ความสามารถจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ถึงขั้นเอาชนะฟู่อี้เฉินได้ถึงสองรายการ ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากจริง ๆ

โม่ฉือชิงที่เงียบปากไม่เอ่ยคำมาตลอด แววตาในยามที่หันไปมองหยุนถิงก็ยังถึงกับเปลี่ยนไป ผู้หญิงคนนี้แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ*ชัด ๆ ช่างซ่อนความลับได้มิดชิดเสียจริง!

(เป็นสำนวนจีนที่มีความหมายว่าแกล้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา เพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ)

นางมีทักษะด้านการแพทย์ ยิ่งเก่งกาจในด้านการค้าขาย แต่งกลอนได้ร้ายกาจคมคายขนาดนี้ ทั้งยังวาดรูปเป็น มาตรฐานของฟู่อี้เฉินจัดอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในเมืองหลวงแล้ว แต่หยุนถิงก็สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย นี่ช่างเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าอันงดงามยากจะหาใครเทียบได้ดวงนั้นของหยุนถิง ชั่วขณะนั้นแววตาของโม่ฉือชิงก็เปลี่ยนไป ไม่นึกดูถูกหรือรังเกียจเหยียดหยามอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นประหลาดใจ จนถึงขั้นชื่นชมยกย่องขึ้นมาหลายส่วน รวมถึงความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ในใจ

หยุนถิงมองฟู่อี้เฉิน: "ฟู่ซื่อจื่อ วันนี้พวกเราประชันฝีมือกันมาสองรอบแล้ว ข้าเองก็เริ่มจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน ทำไมเราไม่เปลี่ยนไปประชันกันใหม่วันอื่นล่ะ?"

“ชิ! ทำเป็นพูดราวกับว่าซื่อจื่อเช่นข้าอยากจะประชันฝีมือกับเจ้าอย่างนั้นแหล่ะ ข้ายังมีธุระที่ต้องไปทำ ไม่อยากจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่กับเจ้าหรอก” ฟู่อี้เฉินแค่นเสียงพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง หันไปน้อมคารวะฮ่องเต้กับไทเฮา แล้วเดินจากไปทันที

เขาไม่มีเวลาเสียที่ไหนล่ะ แต่แค่ไม่กล้าจะประชันต่อแล้วต่างหาก ถ้าเขาแพ้ให้ยัยผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้อีก หลังจากนี้เขาคงไม่มีหน้าอยู่เป็นผู้เป็นคนต่อไปได้อีกแล้ว

เห็น ๆ อยู่ว่าทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจขนาดนี้ เห็นชัดเลยว่ายัยผู้หญิงอัปลักษณ์นี่ต้องจงใจแน่ ๆ ช่างเป็นพวกมีคุณธรรมจอมปลอมแบบเดียวกับจวินหย่วนโยวจริง ๆ ชอบเล่นลูกไม้ตบตาคน น่ารังเกียจนัก!

ในใจของฟู่อี้เฉินก่นด่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวแทบตาย แต่เจ้าตัวกลับเดินจ้ำพรวด ๆ จนหายไปในพริบตาแล้วเรียบร้อย

“หาได้ยากนักที่เจ้าตัวแสบนี่จะถูกคนบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ได้ การเดินทางวันนี้ของข้านับว่าคุ้มค่าแล้วจริง ๆ” ฮ่องเต้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

ฟู่อี้เฉินตั้งแต่ยังเล็กก็เป็นพวกไม่ฟังอีร้าค่าอีรมมาตลอด ทั้งยังดื้อด้านต่อรองยาก ต่อให้เขาที่เป็นฮ่องเต้ฟู่อี้เฉินก็ไม่เคยเกรงกลัว มักชอบเล่นลูกไม้ไหลลื่นเอาตัวรอดไปได้อย่างหน้าด้าน ๆ เสมอ ฮ่องเต้เองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขายังไงดี กลับคิดไม่ถึงว่า หยุนถิงจะสามารถควบคุมเจ้าอันธพาลน้อยคนนี้ได้

“เฉินเอ๋อร์ใช้ชีวิตสะดวกราบรื่นมาตั้งแต่ยังเด็ก ให้เจอความล้มเหลวเสียบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เช่นนี้เขาจะได้ไม่ยกหางตัวเองจนชี้ชันขึ้นฟ้า” ไทเฮาก็พูดติดตลกไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ