จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 949

เวินฉิงที่โดนให้อาบแดดจนใกล้จะแห้งเหี่ยว พอเห็นโม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้ามาหา ก็เดือดดาลยิ่งนัก

“เอานางลงมา” โม่เหลิ่งเหยียนสั่งเสียงเย็น

องครักษ์ข้างๆรีบเอาผ้าที่ยัดปากเวินฉิงออก “โม่เหลิ่งเหยียน เจ้าคนสารเลว ผิวข้าขาวเนียนละออโดนอาบแดดจนดำเมี่ยมหมดแล้ว ใช้เวลาหลายเดือนก็ไม่หายหรอก เจ้าต้องชดใช้เงินค่าเครื่องประทินโฉมให้ข้า!” เวินฉิงด่ารัวๆ

โม่เหลิ่งเหยียนขี้เกียจเสียเวลาฟังนางพล่าม ควักขวดกระเบื้องออกมา “โม่จิ่ว!”

“ขอรับ!” โม่จิ่วรับขวดกระเบื้องมา เทยาออกมาหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากเวินฉิงทันที

เวินฉิงอยากจะสำรอกออกมา แต่กลับโดนโม่จิ่วบีบคางไว้ บังคับให้กลืนลงไป

“ว่ามาสิ เจ้าเป็นใครกันแน่ มีเป้าหมายอะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม

“ข้าคือเวินฉิง ลูกสาวของตระกูลเวินจากนอกด่าน ข้าปล้นเสบียงและแย่งตำแหน่งเจ้าเมืองเมืองชิ่งหรวน เพราะอยากดูปฏิกิริยาของฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนกับอีกเจ็ดตระกูลใหญ่ที่เหลือ ส่วนเรื่องเป้าหมายแน่นอนว่าอยากดึงดูดความสนใจของท่านอยู่แล้ว เพราะซวนอ๋องทีท่าสง่างาม ชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั่วสี่แคว้น หากรับท่านมาเป็นเขยได้ ตระกูลเวินก็เท่ากับเสือติดปีกเลย” เวินฉิงพูดจบ ตนเองยังตะลึงเลย

โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้วหนักขึ้น สายตาเย็นเยียบเหล่มองเวินฉิง เห็นความเดือดดาลของนาง และไม่ได้ถามเพิ่มเติมอีก เขาหมุนตัวเดินกลับกระโจมทันที

“นี่ ข้อเสนอเมื่อครู่ของข้าท่านลองคิดดูสักหน่อยสิ หากท่านยอมเป็นเขยแต่งเข้าบ้านข้า ท่านยื่นข้อเสนอมาได้เลย!” เวินฉิงยังอยากพูดอะไรอีก แต่องครักษ์ก็เอาผ้ายัดปากนางอีกครั้ง

โม่เหลิ่งเหยียนที่กลับถึงกระโจม สีหน้าบูดบึ้งมากขึ้น

“ไอ้โหย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนสนใจเจ้านะ อยากให้เจ้ามาเป็นเขยแต่งเข้าบ้านน่ะ?” น้ำเสียงกระเซ้าลอยมา หมิงจิ่วซางเดินเข้ามาจากด้านนอก

โม่เหลิ่งเหยียนส่งสายตาใบมีดไปทันที “หุบปากซะ คำพูดเมื่อครู่ของสตรีผู้นั้นข้าไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว”

“แต่เจ้าให้นางกินยาสารภาพความจริงนะ นั่นน่ะยาของหยุนถิงนะ ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน หรือว่ายาจะหมดอายุ?” หมิงจิ่วซางมองมาอย่างสงสัย

“โม่จิ่ว ให้เขา!” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นเสียงเย็น

โม่จิ่วยื่นขวดกระเบื้องให้เขาทันที หมิงจิ่วซางรับมาและเทยาออกมาหนึ่งเม็ดกินลงไป “เจ้าถามข้าสิ”

“เรื่องที่ขายหน้าที่สุดของเจ้าในชาตินี้คือเรื่องอะไร?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม

“ตอนอายุห้าขวบ ข้ากับเจ้าแอบไปขโมยผลโพธิ์ที่หลังเขาวัดชิงหยุน สุดท้ายก็ปวดท้องเบาอย่างหนัก เดิมอยากหาที่ปลดทุกข์ ไม่คิดว่าจะเจอเด็กหญิงผู้หนึ่ง นางต้องมองเราสองคนอย่างไม่รู้งานเอาเสียเลย ทำเอาข้ากลั้นไม่ไหวฉี่ราดกางเกงออกมา ขายหน้าเสียยกใหญ่” หมิงจิ่วซางตอบตามตรง

โม่เหลิ่งเหยียนย่อมรู้เรื่องนี้เช่นกัน “ยาไม่มีปัญหา งั้นที่มีปัญหาก็คือคน”

“ยาสารภาพความจริงของซื่อจื่อเฟยไม่เคยผิดพลาด หรือว่านาง?” โม่จิ่วบอกอย่างตกตะลึง

“ดูท่าครั้งนี้จะเป็นศัตรูตัวฉกาจ หมิงจิ่วซาง เจ้าไปสืบเรื่องตระกูลเวินที่นอกด่านนะ” โม่เหลิ่งเหยียนบอกอย่างเข้มงวด

“ได้” หมิงจิ่วซางรู้ดีว่าเรื่องนี้สำคัญนัก รีบออกเดินทางทันที

โม่เหลิ่งเหยียนรีบหยิบพู่กันกระดาษมาเขียนจดหมายทันที และให้โม่จิ่วส่งไปจวนซื่อจื่อด้วยความเร็วสูงสุด

จู่ๆยามดึกช่วงเที่ยงคืน ก็มีคนมาลอบโจมตี แต่กลับพบว่า ในกระโจมไม่มีคนเลย คนพวกนั้นรู้ทันทีว่าตนนั้นหลงกลแล้ว รีบพากันถอยร่น

พวกเขาไหนเลยจะคิดว่า ตอนกลางวันโมเหลิ่งเหยียนแสร้งทำเป็นเปิดเผยร่องรอยการเดินทาง เพื่อล่อให้คนอื่นไปช่วยคน ส่วนโมเหลิ่งเหยียนกลับพาทุกคนซุ่มรออยู่นอกเมืองชิ่งหรวน ในตอนที่คนพวกนั้นออกจากเมือง โม่เหลิ่งเหยียนก็รีบพาคนไปโจมตีอย่างไม่ให้ตั้งตัวทันที ตอนนี้พวกเขาได้กำจัดคนพวกนั้นในเมืองชิ่งหรวนหมดสิ้นด้วยความเร็วสูงสุด และยึดครองเมืองชิ่งหรวนไว้ได้แล้ว

พอกลับไปยังจวนเจ้าเมืองอีกครั้ง เวินฉิงประหลาดใจ “ซวนอ๋องนี่ช่างรวดเร็วเสียจริง วันก่อนข้ายังเป็นเจ้าเมืองอยู่เลย บัดนี้กลับโดนท่านคุมตัวมายังจวนเจ้าเมืองเสียนี่”

“หากเจ้ายอมมอบเสบียงออกมา ข้าจะพิจารณาว่าปล่อยให้เจ้ารอดกลับไปหรือไม่!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดเสียงเย็นเยียบ

“งั้นท่านอย่าปล่อยข้าไปเลย ข้าว่าอยู่ข้างกายซวนอ๋องก็ดีนะ” เวินฉิงแสร้งบอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ