จางว่านฉีขยับเสื้อที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับมองไปรอบๆ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ปิดบังท้องฟ้า ทั้งยังมีหมอกขาวจางๆลอยอยู่ด้านบน ทำให้แสงแดดส่องลงมาได้ไม่เต็มที่
ด้วยอากาศที่อับชื้น และบรรยากาศที่มืดครึ้ม ทำให้มันเหมาะที่จะเป็นสถานที่ของคนตาย มากกว่าคนเป็น
!!
ด้านหน้าสองข้างทาง เต็มไปด้วยตุ๊กตารูปร่างเหมือนคนที่ผุพัง พวกมันถูกสร้างขึ้นจากดินเหนียวสีน้ำตาล สูงประมาณหนึ่งเมตร ตรงส่วนของใบหน้า ถูกทาไว้ด้วยหมึกสีแดง เป็นดวงตาสองดวงที่ดูน่าหวาดกลัวมาก
“ เดินชิดๆกันไว้…พวกเราใกล้ถึงแล้ว จำคำพูดของคนนำทางไว้ให้ดี ใครเรียกห้ามหัน และห้ามจับอะไรเด็ดขาด ” จางว่านฉีพูดย้ำขึ้นเสียงดัง
ทันใดนั้น…
ฟิ้วว!
ราวกับจะตอบสนองต่อเสียงพูดของเขา สายลมเย็นยะเยือกพัดใส่แผ่นหลัง จนขนลุกชี้ชัน
‘ บ้าเอ้ย…ฉันต้องรีบไปจากที่นี่ ’
จางว่านฉีรีบเดินนำเข้าไปอย่างเร็ว เขาพยายามไม่มองพวกตุ๊กตาที่อยู่ด้านข้าง แต่มองตรงไปทางต้นไม้ด้านหน้าแทน
เขาคิดว่าอย่างน้อย การทำแบบนี้มันก็ช่วยลดความกดดันไปได้บางส่วน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า
ตอนนี้เขาได้เดินออกนอกเส้นทางไปแล้ว…
กึกๆ
จางถงยืนตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างชัดเจน บนร่างกายของพ่อเขาตอนนี้ มีพวกตุ๊กตาดินเผาเกาะอยู่เต็มไปหมด
พวกมันใช้มือปิดหู ปิดตาพ่อของเขาเอาไว้ แล้วชักจูงออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ
“ พ่อ…เฮือก! ” ในตอนที่เขาจะตะโกนเรียกออกไป ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้ต้องรีบปิดปากตัวเองทันที
ตุ๊กตารูปคนหลายพันตัว…หันมาจ้องมองที่เขาเป็นทางเดียวกัน
มือข้างซ้ายของพวกมัน ยกขึ้นชี้ไปตรงที่ตำแหน่งปาก เหมือนต้องการจะบอกเป็นนัยๆว่าไม่ให้จางถงพูดออกไป
‘ ฉันยอมไม่ได้…ยังไงเขาก็เป็นพ่อของฉัน ’
ในตอนที่เขาเตรียมจะตะโกนออกไปอีกครั้ง บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลัง ก็รีบเอามือมาปิดปากเขาเอาไว้ แล้วชี้ให้เขามองดูด้านข้าง
เขาเห็น…ร่างกายของบอดี้การ์ดอีกคน ที่กำลังเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาดินเผาอย่างช้าๆ
“ นายน้อย…คุณห้ามส่งเสียงเด็ดขาด เมื่อกี้ผมเห็นอาเฉียนกำลังจะตะโกนเรียกนายใหญ่ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเขาคือก้อนดินและทราย จากนั้นตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นตุ๊กตาดินเผาอย่างช้าๆ ” บอดี้การ์ดคนนั้นกระซิบข้างหูจางถงเบาๆ
“ ฉัน… ” ตอนนี้จางถงอยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
พวกเขาทนลำบากบุกป่าฝ่าดงมาตั้งไกล สุดท้ายยังไม่ทันจะได้เจอหน้าคนที่ตามหา แต่กลับต้องมาตายแบบนี้เหรอ
‘ ไม่…ฉันจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้ พ่อพูดถูกแล้ว ถ้าพวกจ้าวเทียนไม่ตายเราก็ต้องตาย ฉันต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ’
เมื่อคิดได้ดังนั้น…จางถงก็กลั้นใจเดินต่อไปข้างหน้าทันที
“ นายน้อย… ”
“ นายน้อย… ”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เขาหันกลับไปดู เขาเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้ากังวล
“ พวกนาย…ก็ตามฉันมาสิ ” จางถงพูดออกมาเบาๆ จากนั้นก็รีบเดินนำออกไปอย่างรวดเร็ว
โดยที่เขาไม่ได้รู้เลยว่า…
ใบหน้าของบอดี้การ์ดสองคนนั้น ได้เปลี่ยนเป็นตุ๊กตาดินเผา มุมปากสีแดงของพวกมันฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว
บริเวณหน้าบ้านเรือนไทยที่ดูเก่าแก่ จางว่านฉียืนหายใจแรงด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขาใช้เวลาเกือบสามสิบนาที ถึงจะเดินผ่านพวกตุ๊กตาดินเผาน่าขนลุกพวกนั้นออกมาได้
“ เอาล่ะ…พวกเราปลอดภัยแล้ว ตามฉันเข้าไปด้านใน ” เขาพูดออกมาเบาๆ
!!
“ หืม…ลูกชายของฉันหายไปไหน พวกแกไม่ได้เดินมากับเขาเรอะ ”
เสียงของจางว่านฉีทำให้พวกบอดี้การ์ดรู้สึกตัว ตอนนี้ทุกคนอยู่กันครบ ขาดเพียงแค่นายน้อยจางถงเท่านั้น
“ นายใหญ่…ผมเห็นนายน้อยเดินตามหลังคุณมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้นะครับ ” หัวหน้าบอดี้การ์ดพูดเสียงจริงจัง
“ นี่มัน…ไม่นะ หรือว่าเขาจะละเมิดข้อห้ามของที่นี่ พวกแกรีบกลับไปหานายน้อยให้เจอเดี๋ยวนี้ ” จางว่านฉีพูดขึ้นด้วยเสียงร้อนรน เขามีลูกชายคนนี้ไว้สืบสกุลเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ตอนเขาตายไปจะมีหน้าไปพบบรรพชนได้อย่างไร
“ ท่านผู้นำ…ผม ” หัวหน้าบอดี้การ์ดมีท่าทีกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่อยากกลับเข้าไปในสถานที่แบบนั้นอีกแล้ว มันน่าขนลุกเกินไป
“ ยินดีต้อนรับ…ผู้มาเยือนทุกคน ”
เสียงที่ดังขึ้นอย่างไร้ที่มา ทำให้ทุกคนตื่นตกใจและรีบหันไปมอง
ตรงหน้าบ้านไม้หลังใหญ่ มีชายวัยกลางคนสวมชุดขาว ยืนฉีกยิ้มอย่างไร้อารมณ์อยู่ ดวงตาของเขาขุ่นมัวเหมือนดวงตาของปลาที่ตายแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน