จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 139

หลังจากที่โซเฟียยอมบอกแผนการทั้งหมดออกมา เรื่องก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ โลกแห่งแสงรู้เรื่องเกี่ยวกับสมบัติที่อ๋าวเฟิงปกป้องเอาไว้จริงๆ ว่ากันว่ามันคือมรดกของผู้ให้กำเนิดจักรวาล ที่มีพลังอำนาจเปลี่ยนแปลงกฎของจักวาลได้

ในครั้งนี้โลกแห่งแสงได้ร่วมมือกับโลกแห่งวิญญาณ เพื่อสืบหาเบาะแสและแย่งชิงสมบัติชิ้นนั้นมาให้ได้ก่อนโลกแห่งมาร

ส่วนพวกกบฏของโลกแห่งวิญญาณนั้น จ้าวเทียนคาดว่าคงได้รับข้อมูลเรื่องนี้มาโดยบังเอิญ หลังจากนั้นก็เข้าผสมโรงด้วยทันที

ทางฝ่ายกบฏคงคิดว่า ถ้าหากยึดครองสมบัติชิ้นนั้นได้ ก็คงพลิกเกมชนะในคราวเดียว สุดท้ายเลยอาศัยช่องทางพิเศษวางแผนเข้าควบคุม ผู้ทรงอำนาจที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์

“ โซเฟีย…ฉันขอสั่งเธอในฐานะเจ้าสำนัก หลังจากนี้ให้เธอสนใจเพียงการกำจัดโลกแห่งมารเท่านั้น ส่วนเรื่องสมบัติชิ้นนั้นห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด ” หลินซินเยว่พูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ แต่ว่า…ท่านจักรพรรดิแห่งแสงสั่งให้ฉันแย่งชิงสมบัติมาให้ได้ ” โซเฟียตอบเสียงอ่อน ระหว่างสำนักกับโลกที่ถือกำเนิด เธอจะเลือกทำตามข้างไหนก็ต้องลำบากใจทั้งนั้น

“ เรื่องนั้นเธอไม่ต้องกังวล…ฉันจะไปพบจักรพรรดิแห่งแสงเอง รวมทั้งจักรพรรดิแห่งวิญญาณด้วย สมบัติชิ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนแบบพวกเขาจะแตะต้องได้ ”

“ ถ้าหลังจากนี้…เธอยังได้รับคำสั่งแบบเดิมอีกให้มาบอกฉัน เมื่อสองพันปีก่อนตำแหน่งจักรพรรดิของเขา ฉันก็เป็นคนมอบให้ ถ้าฉันเตือนแล้วเขาไม่ยอมฟัง ”

“ ก็คงถึงเวลา…แต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่อีกครั้ง ” หลินซินเยว่พูดด้วยสีหน้าเฉยชา เหมือนกับว่าตำแหน่งจักรพรรดิสำหรับเธอนั้นไม่มีค่าให้สนใจ

“ รับทราบค่ะ…ฉันจะปฏิบัติตามคำสั่งท่านเจ้าสำนัก ” โซเฟียรับคำอย่างจริงจัง เธอรู้ดีถึงอำนาจที่แท้จริงของท่านเจ้าสำนัก

ตลอดเวลาหมื่นปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ราชวงศ์แห่งแสงจะแต่งตั้งตำแหน่งจักรพรรดิองค์ใหม่ จะต้องได้รับคำทำนายจากหลินซินเยว่เสมอ เพื่อที่จะสามารถรู้ได้ว่าผู้ปกครองคนใหม่ จะทำให้อนาคตอีกพันปีต่อไป ของโลกแห่งแสงเป็นไปในทิศทางใด

“ เอาล่ะ…พวกเธอสองคนกลับไปก่อน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับจ้าวเทียนต่อ ” หลินซินเยว่ส่งพวกโซเฟียออกไปทันที เรื่องหลังจากนี้เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้

“ อาจารย์ครับ…เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ” จ้าวเทียนถามขึ้น เมื่อสังเกตเห็นแววตากังวลของท่านอาจารย์

“ เรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด…จากการสอบสวนของร่างจริงอาจารย์ พบว่าเบื้องหลังของพวกกบฏเผ่าวิญญาณมีขุมอำนาจจากแดนสวรรค์เกี่ยวข้องด้วย ”

“ พวกมันอาศัยความสามารถสิงร่างของเผ่าวิญญาณ ทำให้รู้ความเคลื่อนไหวของขุมกำลังอื่นๆบนโลกมนุษย์อย่างง่ายดาย ”

“ อาจารย์คิดว่า…ในพวกยอดฝีมือของประเทศจีน จะมีคนจากเผ่าวิญญาณแฝงตัวสิงร่างอยู่ไหมครับ ” จ้าวเทียนถามเสียงเครียด

“ หึหึ เรื่องนี้เธอไม่ต้องกลัว…เพราะต่อให้พวกเขาอยากทำ ก็ทำไม่ได้หรอก เหตุผลที่พวกเขาสิงร่างโซเฟียกับคนอื่นๆได้ ก็เพราะฉวยโอกาสตอนจุติลงมาบนโลกในร่างเด็กทารกอ่อนแอ ถ้าเป็นในยามปกติไม่มีโอกาสหรอก ”

“ การฝังร่างวิญญาณเข้าไปในสิ่งมีชีวิตอื่น สามารทำได้ก็ต่อเมื่อพลังของเราเหนือกว่าอีกฝ่ายหลายขั้นเท่านั้น อย่างเช่นถ้าอีกฝ่ายต้องการจะสิงร่างผู้ที่อยู่ในขอบเขตเซียน ก็ต้องมีพลังในระดับเทพโลกาถึงจะทำได้ ”

“ แต่ภายในโลกมนุษย์ตอนนี้ มันมีข้อจำกัดอยู่ทำให้ใช้พลังได้เพียงแค่ขอบเขตเซียนนภาเท่านั้น ดังนั้นหากไม่ใช่พวกที่จุติลงมาใหม่ ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะถูกสิง ” หลินซินเยว่อธิบายอย่างละเอียด

เธอรู้เรื่องว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจของมิตรสหายตัวเอง คงไม่มีใครอยากถูกทรยศหักหลังแบบไม่ทันตั้งตัวหรอก

“ อาจารย์…ช่วยสอนวิชาที่ใช้กับโซเฟียให้ผมได้ไหมครับ ”

“ ตกลง…ฉันสามารถสอนให้ได้ แต่การที่เธอจะใช้มัน จะต้องบรรลุแก่นแท้แห่งเวลาและไปถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาให้ได้ก่อน ” หลินซินเยว่พูดออกมา พร้อมกับส่งดวงแสงสีขาวจมหายเข้าไปในหน้าผากของจ้าวเทียน

“ ขอบคุณครับ ” จ้าวเทียนซึมซับข้อมูลที่ถูกส่งมาด้วยแววตาเป็นประกาย มันเป็นเคล็ดวิชาที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายสถานการณ์จริงๆ

เขาจำได้ว่าในชาติที่แล้วท่านอาจารย์ไม่เคยใช้เคล็ดวิชานี้มาก่อน แสดงว่ามันคงเป็นวิชาที่อาจารย์เพิ่งคิดค้นขึ้น หลังจากที่หลอมรวมความทรงจำกับอนาคต

“ หลังจากนี้…ร่างแยกของอาจารย์ จะอยู่ในสภาพหลับลึกไปประมาณ 10 วัน ฝากเธอเข้ามาดูแลศิษย์พี่หญิงเธอด้วยล่ะ ฉันคิดว่าประมาณ 3-4 วัน พวกเธอก็น่าจะฟื้น ”

“ คงเป็นเรื่องโลกแห่งแสงใช่ไหม…ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลพวกศิษย์พี่หญิงเอง ” จ้าวเทียนรับคำอย่างมั่นใจ ไว้เขาค่อยหาโอกาสแวะเข้ามาดูบ่อยๆก็แล้วกัน เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของท่านอาจารย์ ให้คนอื่นเข้ามาคงไม่เหมาะ

“ ใช่แล้วล่ะ…ร่างจริงของอาจารย์ คงจะต้องไปเยี่ยมเยียนโลกทิพย์ทั้งเก้าท้องฟ้าซักหน่อย จะได้ตรวจสอบสถานการณ์และหยั่งเชิงท่าทีของพวกเขาไปในตัว ”

หลังจากที่พูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการอีกเล็กน้อย จ้าวเทียนก็บอกลาท่านอาจารย์ แล้วออกมาจากมิติลับ

เวลาหกโมงเย็นของวันเดียวกัน

บริเวณท่าเรือหลักเมืองเทียนจิน เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ได้แล่นเข้ามาจอดเทียบท่า เพราะเนื่องจากปิดโลโก้ของบริษัทตระกูลจางเอาไว้ จึงไม่ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ภายในเวลาไม่นานก็ได้มีรถหรูหลายคัน ขับเข้ามาจอดที่ท่าเรือแห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดคือแกนนำระดับสูงของตระกูลจางในโลกยุทธภพ ทุกคนล้วนมีพลังอยู่ในระดับนักสู้ระดับ 6 ขึ้นไป

“ พวกนายรู้ไหมว่าท่านผู้นำเรียกพวกเรามาทำไม ” ชายคนหนึ่งถามเพื่อนที่อยู่ด้านข้าง

“ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…ช่วงนี้กิจการของตระกูลเราแย่มาก ถูกพวกตระกูลลี่แย่งเอาไปหมด บางทีท่านผู้นำอาจจะพบช่องทางใหม่ แล้วเรียกพวกเราไปดูสินค้ากันก่อนก็ได้ ”

“ ความคิดของนายเข้าท่านะ…ฉันขอให้เป็นแบบนั้นจริงๆก็แล้วกัน ”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยและเดินตามกันเข้าไปด้านในเรื่อยๆ หลังจากลงบันไดไปอีกสองครั้ง ก็ได้มาถึงห้องเก็บสินค้าที่ลึกที่สุดของเรือลำนี้

!!

“ นี่มัน…คนพวกนี้เป็นใครกัน ”

กองกำลังชุดดำเกือบสองร้อยคน สวมหน้ากากลายตะขาบดูหน้าหวาดกลัว ยิ่งเมื่อรวมกับความกดดันที่พวกเขาแผ่ออกมา

ยิ่งทำให้พวกตระกูลจางที่เดินเข้ามารู้สึกหายใจไม่ออก เพราะพวกเขามีกันแค่สามสิบกว่าคนเท่านั้น จำนวนมันแตกต่างกันหลายเท่า

“ มากันครบแล้วใช่ไหม…งั้นก็เริ่มเถอะ ” จางว่านฉีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ตอนนี้ตัวเขาตกอยู่ในมนต์สะกดของลูกชายตัวเอง มีชีวิตอยู่เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้จิตใจเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน