จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 141

วันงานจัดแสดงเครื่องประดับของบริษัทจ้าวหนิงจิวเวลรี่

เวลาเก้าโมงเช้า ที่ด้านหน้าโรงแรมแกรนด์มารีออท ได้มีขบวนรถหรูจอดอยู่หลายสิบคัน ด้วยคอนเนคชั่นของตระกูลหวัง ทำให้มีนักธุรกิจระดับประเทศ และข้าราชการระดับสูงของรัฐบาลเข้าร่วมมากมาย

โชคดีที่ตำแหน่งพลเอกของจ้าวเทียนยังไม่ถูกประกาศออกไป ไม่อย่างนั้นแม้แต่โรงแรมอันดับหนึ่งในเมืองเทียนจิน ก็ยังรับรองแขกที่เข้าร่วมงานจำนวนมหาศาลไม่ไหว

ภายให้ห้องจัดแสดงถูกแบ่งออกเป็นโซนสินค้าปกติ กับโซนสินค้าประมูลตามที่หวังซินหยางได้วางแปรนเอาไว้ ซึ่งเป็นการแยกคุณสมบัติของแขกที่มาร่วมงาน เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อความวุ่นวาย

“ โซน A รายงานสถานการณ์ ” กู่เฟยหลงถามเสียงเข้ม ผ่านทางหูฟังสื่อสารแบบบอดี้การ์ด

เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยพิเศษของจ้าวเทียน ที่ได้รับภารกิจปลอมตัวเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในวันแรก ซึ่งนอกจากตัวเขาแล้ว ก็ยังมีสมาชิกทีมอีกสามสิบคน คอยดูแลอยู่รอบๆบริเวณลานแสดงชั้นหนึ่ง

“ นายไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ง…พวกเราขนกันมาทั้งหน่วยขนาดนี้ ต่อให้อีกฝ่ายบุกกันมาเป็นร้อย ก็ไม่คณามือพวกเราหรอก ” หูเสี่ยวหมิงพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“ อย่าลืมสิ่งที่เกิดกับทีมอาจิ้งสิ…พวกเราไม่มีทางรู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งแขกแต่ละคนที่มาในวันนี้เป็นผู้มีอำนาจระดับสูงทั้งนั้น พวกเราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่กู่เฟยหลงบอก หูเสี่ยวหมิงก็มีสีหน้าเจื่อนไปทันที ตัวเขาเองคงจะประมาทไปจริงๆ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะในทีมของพวกเขามีปรมาจารย์อยู่ถึง 4 คน ส่วนอีก 26 คนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง

นี่เป็นกองกำลังที่สามารถล้มพวกตระกูลชั้นสูงของประเทศได้สบาย…

ยังไม่รวมทีมหัวกระทิที่ดูแลโซนประมูลในชั้นสอง ซึ่งมีเฉินจิ้งกับโม่ซินหยานสองยอดฝีมือขอบเขตเซียนเป็นหัวหน้าทีม

หูเสี่ยวหมิงกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า แม้แต่บ้านของท่านผู้นำประเทศยังไม่ได้รับการคุ้มกันขนาดนี้

เรียกได้ว่าระดับท๊อปของขุมกำลังจ้าวเทียน ขนกันมาแทบจะหมดทั้งฐาน ที่ทะเลสาบมรกตตอนนี้เหลือเพียงเหยียนซืออู่กับสมาชิกหน่วยไม่กี่คนปกป้องอยู่เท่านั้น

ภายในโซนประมูลชั้นสอง

ด้านหน้าประตูทางเข้า ได้มีการตรวจสอบบัตรเชิญอย่างเข้มงวด ซึ่งได้ถูกส่งให้ก่อนวันงานเพียงสามวันเท่านั้น

โดยผู้ที่ได้รับบัตรเชิญมีแต่นักธุรกิจระดับพันล้านขึ้นไป ข้าราชการผู้มีอำนาจระดับสูงและแขก VIP ที่มีชื่อเสียงในแวดวงนักร้องนักแสดง เพื่อใช้ในการโปรโมทงานครั้งนี้

“ คุณจ้าวเย่ซง…ผู้นำตระจ้าวเมืองปักกิ่ง ”

เสียงประกาศทำเอาแขกที่อยู่ด้านในต่างหันมามองด้วยความตกใจ แม้ว่าชื่อนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลจ้าวเมืองปักกิ่งนั้นมันคือมหาอำนาจในประเทศอย่างแท้จริง

“ ถึงกับเชิญคนระดับนี้มาได้งั้นเหรอ ”

“ นี่ตัวจริงเหรอ…เขายังดูหนุ่มอยู่เลย ”

“ นี่ใช่งานของเมืองเราแน่เหรอ…ฉันนึกว่างานระดับประเทศ ”

จ้าวเย่ซง เดินผ่านผู้คนที่พยายามจะเข้ามาหาผลประโยชน์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เขาปฏิเสธคนพวกนั้นอย่างสุภาพ ยังไงวันนี้ก็เป็นงานของบริษัทจ้าวเทียน เขาต้องให้เกียรติเจ้าของงานด้วย

“ พี่มาถึง…ทำไมไม่บอกก่อน ผมจะได้ออกไปรับ ” จ้าวเทียนเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ด้านข้างมีเฉินจิ้งและหวังซินหยางตามมาด้วย

“ อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นคนไกลสิ…ฉันคิดว่าวันนี้นายน่าจะยุ่งๆอยู่ แค่นี้ฉันเดินเข้ามาเองได้ ” จ้าวเย่ซงตบบ่าจ้าวเทียนอย่างสนิทสนม ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นเขาก็มองอีกฝ่ายเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆไปแล้ว

“ พี่ครับ…สองคนนี้เป็นคนสนิทของผมเอง ” จ้าวเทียนได้แนะนำเฉินจิ้งกับหวังซินหยางให้รู้จัก ซึ่งจ้าวเย่ซงก็จับมือทักทายด้วยความยินดี เขายังชวนเฉินจิ้งกับหวังซินหยางให้ไปเที่ยวที่ปักกิ่งอีกด้วย

การแสดงออกและท่าทีสนิทสนมของจ้าวเย่ซง ทำให้บรรดาแขกคนอื่นในงานตกใจกันมาก แต่เดิมพวกเขามาก็เพราะเกรงใจผู้เฒ่าตระกูลหวังเท่านั้น

แต่เมื่อดูจากท่าทีของผู้นำตระกูลจ้าวแล้ว ชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของงานตัวจริงคงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

“ ตรวจสอบข้อมูล…ชายหนุ่มคนนั้นให้ฉันหน่อย ”

พวกระดับสูงที่อยู่ในงานเริ่มสั่งการลูกน้องข้างกาย ให้ตรวจสอบประวัติของจ้าวเทียน เพื่อที่จะสามารถใช้เป็นประโยชน์ในอนาคต

ที่จริงงานจัดแสดงต่างๆที่เชิญแขก VIP ระดับสูงมาเข้าร่วม ก็เหมือนงานพบปะของพวกไฮโซเพื่อที่จะได้รับคอนเนคชั่นใหม่ๆไว้ต่อยอดธุรกิจ ทำให้ทุกคนต้องหัดสังเกตทิศทางลมให้ดี จะได้ไม่พลาดเสียโอกาสไป

“ คุณกงเสี่ยวเหมย…ว่าที่ผู้นำตระกูลกง ”

สาวงามในชุดเดรสสีครีม พร้อมกับบอดี้การ์ดหญิงสองคน ได้ดึงดูดความสนใจของไฮโซหนุ่มๆในงานทันที

สีหน้าของกงเสี่ยวเหมยไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก เพราะในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเธอต้องจัดการดูแลกิจการทุกอย่างของตระกูล และยังต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาที่จ้าวเทียนมอบให้ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน

ในตอนนี้คุณย่าของเธอที่เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน ได้ทยอยส่งมอบอำนาจให้เธอทีละส่วน เพื่อทดสอบความสามารถในการบริหารของเธอ

ซึ่งมันก็ได้สร้างความกดดันให้กับกงเสียวเหมยโดยไม่รู้ตัว…

‘ เอ๊ะ…นั่นจ้าวเทียนนี่ ’

เมื่อได้เห็นคนที่จะอยากเจอทุกวัน แววตาอ่อนล้าของเธอก็เป็นประกาย ใบหน้าที่ซีดขาวก็มีสีชมพูอ่อนๆ เธอรีบเดินหลบออกจากพวกผู้ชายที่เข้ามาขายขนมจีบ แล้วตรงไปหากลุ่มของจ้าวเทียน

“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…นี่เธอลืมพี่ไปแล้วใช่ไหม ” กงเสี่ยวเหมย พูดหยอกจ้าวเทียนด้วยสีหน้ามีความสุข

“ ใช่ที่ไหนกันล่ะ…ช่วงนี้ได้ข่าวว่าพี่กำลังยุ่ง แถมผมเองก็ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจบ่อยๆเลยไม่ค่อยได้อยู่ที่เมืองเทียนจินเลย ” จ้าวเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน