จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 142

“ แย่แล้วครับบอส…ครอบครัวลุงซุยถูกจับตัวไป! ”

คำพูดนี้เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจจ้าวเทียน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา สถานะของลุยซุยในสายตาจ้าวเทียน เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่สนิทสนม ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องการถอนหมั้นเกิดขึ้น แต่ความเคารพและความสัมพันธ์ไม่เคยจืดจาง

“ หน่วยคุ้มกันของเราทำอะไรอยู่…ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความโกรธ ตั้งแต่ที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นพลเอก ก็ได้ส่งหน่วยพิเศษสี่คนคอยจับตาดูและคุ้มครองครอบครัวลุงซุยตลอด

เพราะหลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย พวกศัตรูก็คงรู้แล้วว่าลุงซุยมีความสำคัญอย่างไรกับเขา แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วการเตรียมการที่ทำมาทั้งหมดกลับเสียเปล่า

“ หน่วยคุ้มกันตายสามคนและบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่ง…พวกเขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถจัดการพวกเขาได้ทั้งหมด ” เฉินจิ้งตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ดี

จ้าวเทียนที่ได้ยินก็มีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นกัน ในครั้งแรกเขาคิดว่าทีมคุ้มกันบกพร่องต่อหน้าที่ แต่กลับกลายเป็นว่าพลังของศัตรูนั้นเหนือกว่าที่คิดมาก

เพราะทีมคุ้มกันนั้น มีปรมาจารย์อยู่ด้วยหนึ่งคน ส่วนอีกสามคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ขุมกำลังที่สามารถจัดการ พวกเขาได้ง่ายๆในเมืองเทียนจินนั้นไม่มีเด็ดขาด

สามารถบอกได้เลยว่านี่ต้องเป็นฝีมือของกองกำลังจากภายนอก และอาจจะเกี่ยวข้องกับขอบเขตเซียนด้วย

วูป!

จ้าวเทียนกวาดสัมผัสวิญญาณออกไปทั่วอาณาเขตกว้างใหญ่ในพริบตา หลังจากผ่านไปไม่นาน คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นอย่างกังวล

“ บอสครับ…เป็นอย่างไรบ้าง ” เฉินจิ้งถามขึ้นด้วยความคาดหวัง สำหรับเด็กกำพร้าอย่างเขา ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา

ลุงซุยก็เปรียบเหมือนกับพ่อแท้ๆที่ไม่มีใครมาทดแทนได้…

ตัวเฉินจิ้งเองบรรลุขอบเขตเซียนมาด้วยวิธีที่ค่อนข้างพิเศษ ทำให้ยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องสัมผัสวิญญาณเท่าไหร่ เขาสามารถใช้ได้ในพื้นที่ไม่กี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น ทำให้ตรวจสอบไม่พบอะไร

“ เรียกแกนนำทุกคนมา!...ฉันมีเรื่องจะบอก ”

ผ่านไปไม่ถึงสามนาทีทุกคนก็มากันครบ แม้แต่ไป๋ซู่เจินกับซูต๋าจี่ก็ตามมาด้วย แรกเริ่มเดิมทีพวกเธอเพียงต้องการมาเที่ยวเล่นเพื่อดูสังคมของมนุษย์ยุคใหม่เท่านั้น

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย จ้าวเทียนจึงให้พวกเธอแปลงกายเป็นหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ไม่โดดเด่น จะได้ไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป

“ ตอนนี้ครอบครัวของลุงซุยได้ถูกลักพาตัวไป…อีกฝ่ายเป็นกองกำลังที่ลงมือกับเฉินจิ้งในประเทศพม่า ”

พอจ้าวเทียนพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที

โดยเฉพาะเฉินจิ้งที่แววตาเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่นึกว่าจะมีโอกาสแก้แค้นได้เร็วขนาดนี้ แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ของเผ่าพันธุ์มังกรมารในตำนานเริ่มแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ เฉินจิ้งควบคุมพลังของนายก่อน ”

เสียงของจ้าวเทียนเหมือนน้ำเย็นที่ราดลงในใจของเฉินจิ้ง ปลุกสติเขาให้ฟื้นคืน เมื่อครู่เขาเกือบใช้พลังต่อหน้าคนธรรมดาไปแล้ว

“ พวกลุงซุยถูกจับตัวไว้ที่เรือดำน้ำ ห่างออกไปจากท่าเรือเมืองเทียนจินประมาณร้อยกิโลเมตร ที่นั่นน่าจะมีขอบเขตเซียนอยู่สามคน ซึ่งฉันเองก็ไม่สามารถมองพลังที่แท้จริงออก แต่ที่แน่ๆพวกมันรู้ตัวแล้วว่าโดนฉันตรวจสอบ ”

“ ดังนั้น…ให้ไป๋ซู่เจินกับโม่ซินหยานตามฉันไปก็พอ หากคนอื่นตามไปด้วยอาจจะโดนลูกหลงเป็นอันตรายได้ ส่วนคนที่เหลือก็ให้คอยคุ้มกันอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ” จ้าวเทียนแบ่งหน้าที่อย่างใจเย็น

“ บอสครับ…ผมไปด้วยไม่ได้เหรอ ” เฉินจิ้งพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ

“ ฉันรู้ว่านายอยากแก้แค้น…แต่ที่ฉันให้นายกับซูต๋าจี่อยู่ที่นี่นั้นเพราะไม่ไกลจากบริเวณที่จัดงานของเรา ฉันตรวจพบฝ่ายศัตรูเกือบร้อยคน ทั้งยังมีขอบเขตเซียนอีกหนึ่งคนหลบซ่อนตัวอยู่ ”

“ ลองคิดดูก็รู้…ว่าพวกมันใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ เป้าหมายที่แท้จริงคงเป็นบรรดาแขกที่อยู่ในงาน หากพวกเขาถูกจับตัวไป ฉันไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ”

เมื่อทุกคนลองคิดตามที่จ้าวเทียนบอก ก็รู้สึกสะท้านในใจ

ข้าราชการระดับสูง…

นักธุรกิจระดับประเทศ…

ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆของประเทศ…

นี่ยังไม่รวมถึงพวกหัวหน้าตระกูลชั้นนำ ซึ่งสามารถบอกได้เลยว่า หากคนเหล่านี้ถูกจับตัวไป มันจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างขนาดไหน

เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าใจแล้ว จ้าวเทียนก็อธิบายแผนการทันที เขามอบหมายหน้าที่ให้แต่ละคนอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนแยกย้ายไปดำเนินการ

“ เหยาเหยา…ฉันฝากทางนี้ด้วยนะ ” เขาเรียกลี่เหยาเหยาเข้ามา แล้วมอบของอย่างหนึ่งให้ พร้อมทั้งบอกวิธีใช้ให้เธอ

“ ระวังตัวด้วยนะ…ไม่ต้องห่วงทางนี้ ฉันสามารถรับมือได้แน่นอน ” ลี่เหยาเหยายิ้มออกมาเล็กน้อยให้จ้าวเทียนมั่นใจ แม้แววตาของเธอจะมีความกังวลอยู่บ้างก็ตาม

หน้าที่ของเธอ คือต้องร่วมมือกับจ้าวเย่ซงและกงเสี่ยวเหมย เพื่อควบคุมพวกสื่อต่างๆ และดูแลไม่ให้แขกที่อยู่ในงานตื่นตระหนกจนเกิดความวุ่นว่าย

ไม่อย่างนั้นงานในวันนี้คงพังไม่เป็นท่า…

เวลาเดียวกันที่การประชุมสหประชาชาติ

วันนี้ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น เพราะอยู่ดีๆทางคณะผู้นำจากประเทศจีน ก็ขอถอนตัวโดยกะทันหัน

ทั้งที่เพิ่งเข้าร่วมประชุมเป็นวันที่สองเท่านั้น มันได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้นำประเทศคนอื่นๆเป็นอย่างมาก

แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ…

กลับมีคนกล้ากักตัวพวกเขาเอาไว้ที่สนามบิน โดยอ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายข้ามชาติวางแผนลอบสังหารท่านผู้นำประเทศจีน ด้วยการใช้ระเบิดเชื้อโรคที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยซีลด์ ขออนุญาตตรวจค้นพนักงานบนเครื่อง และเข้าตรวจสอบเครื่องบินอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า

“ นี่มันหมายความว่ายังไง…ริคจอห์นสัน ” ต้วนมู่เฉียนพูดเสียงเย็นชา ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาพูดเรื่องไร้สาระกับอีกฝ่าย

เมื่อตอนเวลา 7 โมงเช้า เขาเพิ่งได้รับรายงานตรวจพบเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ เข้าใกล้ชายฝั่งของประเทศ ทั้งยังมีผู้ก่อการร้ายบุกยึดโรงงานอาวุธทั้งสามแห่งเอาไว้อีก

คนพวกนั้นขู่จะระเบิดโรงงานทิ้ง หากรัฐบาลกล้าโจมตี โชคดีที่ตอนนี้ยังสามารถปิดข่าวเอาไว้ได้ จึงยังไม่ทำให้ประชาชนแตกตื่น แต่หากเกิดการปะทะกันขึ้นมาจริงๆ อย่างไรข่าวก็ต้องหลุดออกไปแน่นอน

เรื่องในครั้งนี้มันร้ายแรงเป็นอย่างมาก ถ้าหากจัดการได้ไม่ดี อาจทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายหลายแสนได้เลย

ทำให้ตัวเขาต้องรีบกลับไปควบคุมสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ก่อนที่มันจะสายเกินไป ซึ่งถ้าไม่ติดภารกิจที่ต้องคุ้มกันท่านผู้นำประเทศ เขาคงบินกลับไปคนเดียวแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน