จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 169

ย้อนกลับไปตอนที่ปรมาจารย์ตระกูลจ้าวทั้งสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ และถอยกลับไปเฝ้าฐานของหลงเป่ยหู่

พวกเขาไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อย ว่าการกระทำทุกอย่างของพวกเขา ตกอยู่ในสายตาของยมทูตสาวทั้งยี่สิบคนตลอดเวลา

พวกเธอคือหน่วยลอบสังหารที่ได้รับการฝึกฝนโดยตรงจากโม่ซินหยานและซูต๋าจี่ ด้วยวิชาหลบซ่อนกายของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ต่อให้พวกเธอเดินตามหลังพวกเขาไปเรื่อยๆ ก็ไม่เปิดเผยร่องรอยแม้แต่น้อย

หลังจากที่กลับมาถึงฐาน ปรมาจารย์ตระกูลจ้าวทั้งสองคนก็สั่งให้กองกำลังที่เหลือ ออกลาดตระเวนรอบๆทันที พวกเขาไม่เคยประมาทกองกำลังของจ้าวเทียนแม้แต่น้อย เพราะชายคนนั้นไม่ใช่ผู้ที่จะเอาความคิดของคนธรรมดาไปตัดสินได้

ในวันที่บรรพชนตระกูลจ้าวพ่ายแพ้ต่อจ้าวเทียน พวกเขาทั้งสองคนก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ภาพความน่ากลัวของชายคนนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความคิดของพวกเขาตลอดมา

ห่างออกไปไม่ไกล

“ พี่จื่อรั่ว…ใกล้ได้เวลาแล้ว ” หญิงสาวชุดดำมีใบหน้าเย็นชาพูดขึ้นเบาๆ เธอมีชื่อว่าจื่อลู่ เป็นหมายเลขสองของทีมลอบสังหาร

สำหรับตำแหน่งในทีมลอบสังหาร จะจัดตามอันดับฝีมือ โดยจะมีการทดสอบทุกปี เพื่อไม่ให้ทุกคนละเลยและหมั่นฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความที่พวกเธอต่างก็เป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกองค์กรรับเข้ามาในเวลาเดียวกัน จึงไม่รู้อายุที่แท้จริงของตัวเอง ดังนั้นคนที่จะเป็นพี่ใหญ่ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด

“ พี่น้องคนอื่น…ประจำตำแหน่งแล้วใช่ไหม ” จื่อรั่วพูดเสียงเบา มีดสั้นสีดำที่อยู่ในมือเธอหมุนควงไปมาอย่างชำนาญ นี่เป็นอาวุธระดับกึ่งเทพ ที่จ้าวเทียนมอบให้กับผู้ที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมลอบสังหาร

เนื่องจากเธอเป็นหมายเลขหนึ่งมาตลอดสิบปี ไม่มีใครสามารถขึ้นแทนตำแหน่งของเธอได้ หญิงสาวคนอื่นจึงให้ความเคารพเธอมาก

ทั้งที่หากดูจากอายุโครงกระดูกแล้ว เธอควรจะเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดด้วยซ้ำ

“ เรียบร้อยแล้ว…แต่ที่จริงพวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือกันทุกคนก็ได้นะคะ แค่ฉันกับพี่สองคน ก็ชิงธงที่อยู่กลางฐานของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายแล้ว ” จื่อลู่พูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ

คู่ต่อสู้เป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นกลางที่บาดเจ็บหนักสองคน กับกองกำลังผู้เชี่ยวชาญแค่ห้าสิบคน สำหรับปรมาจารย์ขั้นสูงแบบพวกเธอ ไม่ได้รู้สึกกินแรงเลยซักนิด

“ สิ่งที่เธอพูดมาก็ถูก…แต่จุดประสงค์ของนายท่านไม่ได้ต้องการเพียงชัยชนะเท่านั้น แต่ต้องการปลูกฝังความหวาดกลัวให้คนพวกนั้นมากกว่า ”

“ เรื่องธงที่อยู่ในฐานฝั่งตรงข้าม พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจ หน้าที่ของพวกเราคือจัดการศัตรูทุกคนบนเกาะนี้ทั้งหมด ”

“ ทำให้พวกเขาหมดสภาพต่อสู้…แต่ห้ามสังหารเด็ดขาด อนุญาตให้ใช้พลังปีศาจได้ วันนี้พวกเราจะแสดงให้ทุกคนได้เห็น ”

“ ว่าการเป็นศัตรูกับนายท่าน จะต้องเจอกับอะไร ” จื่อรั่วพูดเสียงเย็นชา ซึ่งจื่อลู่ก็พยักหน้ารับเบาๆ

สำหรับพวกเธอโม่ซินหยานเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นผู้ที่เป็นเจ้านายของโม่ซินหยานก็ถือเป็นเจ้านายของพวกเธอด้วย

นี่ยังไม่รวมถึงบุญคุณที่ช่วยชีวิตและสิ่งต่างๆที่จ้าวเทียนได้มอบให้ในหลายวันที่ผ่านมา ดังนั้นความจงรักภักดีของพวกเธอ ถือเป็นอันดับต้นๆในกองกำลังทั้งหมดของจ้าวเทียนได้เลย

“ พี่จื่อรั่ว…ได้เวลาแล้ว ”

ภายในฐานของหลงเป่ยหู่ ปรมาจารย์ตระกูลจ้าวทั้งสองคน กำลังใช้ลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บให้ตัวเอง อยู่ใกล้ๆกับธงสีแดงที่ปักอยู่ตรงกลาง เพื่อที่พวกเขาจะสามารถดูแลได้สะดวก

สถานที่แห่งนี้ ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากกองกำลังผู้เชี่ยวชาญสามสิบคน ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบคนกำลังออกลาดตระเวนอยู่

“ พี่เจ็ด…ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆนะ ” ผู้อาวุโสแปดตระกูลจ้าวพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล สัญชาตญาณของเขามันบอกว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้น

“ ส่งสัญญาณเรียกพวกที่ออกไปลาดตระเวนกลับมา ” ผู้อาวุโสเจ็ดหันไปสั่งทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างกาย ซึ่งเขาก็รีบวิ่งออกไปทันที

เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกอยู่ในบรรยากาศรอบๆเช่นกัน อีกทั้งยังไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ ของพวกที่ถูกส่งออกไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง

ทั้งคนที่ออกไปตอนแรกและคนที่วิ่งไปตาม กลับไม่มีผู้ใดกลับมาแม้แต่คนเดียว

ทันใดนั้น

แซ่ก!ๆๆ

เงาร่างคนค่อยๆปรากฏขึ้นจากหลังต้นไม้ที่อยู่รอบๆฐาน แล้วก้าวเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ ซึ่งดูจากรูปร่างผอมเพรียวและทรวดทรงของสตรีแล้ว ไม่ใช่คนที่เขาส่งออกไปแน่นอน

เมื่อเงาร่างทั้งยี่สิบคนเข้ามาใกล้ พวกเขาก็สามารถเห็นใบหน้าของพวกเธอได้ชัดเจน

งดงามมาก…

นี่คือความคิดของผู้ชายทุกคนที่ได้พบเห็น ถึงแม้ว่าใบหน้าของหญิงสาวพวกนั้นจะถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ แต่ไม่รู้เพราะอะไร ทุกคนกลับมองดูด้วยความเคลิบเคลิ้มลุ่มหลง เหมือนกับว่าพวกเธอคือสุดยอดสาวงามแห่งยุค

แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสองก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง

จนกระทั่ง

เปรี้ยง!ๆๆ

อ้ากก!ๆๆ

ทหารสามคนแรกที่อยู่ใกล้พวกเธอที่สุด ถูกโจมตีใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว จนกระอักเลือดคำโตแล้วกระเด็นออกไปกระแทกเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ

นั่นทำให้ปรมาจารย์ทั้งสองคนรู้ตัวทันที พวกเขากัดปลายลิ้นตัวเอง เพื่อใช้ความเจ็บปวดเรียกสติตัวเองคืนมา

“ ยิงได้…พวกเธอคือศัตรู! ” ผู้อาวุโสเจ็ดสั่งออกมาเสียงดัง เสียงของเขาเต็มไปด้วยพลังลมปราณอันแข็งแกร่ง ปลุกคนอื่นๆให้ฟื้นความสามารถในการต่อสู้อีกครั้ง

ปัง!ๆๆๆๆ

ปืนทุกกระบอกลั่นไกใส่อย่างไม่ยั้ง กระสุนหลายสิบนัดพุ่งเข้าใส่หญิงสาวพวกนั้นในพริบตา

แต่ทว่า

ฟุ่บๆๆๆๆ

ร่างกายของพวกเธอกลายเป็นดั่งหมอกควันที่ไม่สามารถสัมผัสได้ ทำให้กระสุนพวกนั้นทะลุผ่านไปโดยไม่ส่งผลแม้แต่น้อย

นี่คือเคล็ดวิชาเงาจันทรา ที่โม่ซินหยานสอนให้พวกเธอ มันมาจากคัมภีร์ระดับนภาที่จ้าวเทียนได้มอบให้ เป็นวิชาที่เหมาะสำหรับมือสังหารอย่างแท้จริง

ปัง!ๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงกระสุนยังดังขึ้นไม่หยุด ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ เคยมีคนจับมีดพุ่งเข้าใส่พวกเธอ แต่ก็ถูกจัดการภายในพริบตา แล้วร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นเหมือนดินเหลวกองหนึ่ง

เปรี้ยงๆๆๆ พลั่กๆๆ

มีสี่คนถูกซัดร่วงลงไปกองอีกครั้ง ทำให้พวกที่เหลือถูกบีบให้ถอยเข้ามาใกล้ธงเรื่อยๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็เหมือนต้องการทรมานจิตใจพวกเขา จังหวะก้าวเดินของพวกเธอพร้อมเพรียงกัน ระยะห่างที่ถูกบีบเข้ามาก็เท่ากันตลอด

นี่เหมือนเป็นการต้อนนักโทษขึ้นแท่นประหารไม่มีผิด…

“ พี่เจ็ด…พวกเราคงต้องลงมือเอง ” ผู้อาวุโสแปดพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ที่จริงแล้วอาการบาดเจ็บของพวกเขายังไม่หายดี หากไม่จำเป็นจริงๆควรพักรักษาตัวเองเสียก่อน

“ เอาเถอะ…หญิงสาวพวกนี้คงเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสูง ไพ่ตายของอีกฝ่าย เราต้องไม่ยอมให้พวกเธอชิงธงไปได้เด็ดขาด ส่วนอาการบาดเจ็บค่อยไปรักษาทีหลังแล้วกัน ” ผู้อาวุโสเจ็ดพยักหน้าให้น้องชาย แล้วก้าวออกไปข้างหน้า

“ หยุดยิง! พวกนายหลบไปอยู่ด้านหลัง ตรงนี้พวกฉันจัดการเอง ” ผู้อาวุโสแปดสั่งขึ้นเสียงดัง พวกทหารที่เหลืออยู่อีกสิบกว่าคนก็รีบทำตามทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน