ในเวลาเดียวกัน กับการแข่งขันศึกชิงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษซิงหลง ภายในมิติลับของหลินซินเยว่ก็ได้มีแขกมาเยือนเช่นกัน
ชายชราคนหนึ่งนั่งจิบชาด้วยท่าทางผ่อนคลาย เขาได้มาตามคำเชิญของเจ้าของสถานที่เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในอดีต อ๋าวเฟิงก็ได้กลายเป็นสหายต่างวัยกับหลินซินเยว่ ทั้งคู่ต่างก็แบ่งปันข้อมูลสำคัญซึ่งกันและกัน เพื่อผลประโยชน์สำหรับแผนการในอนาคต
“ เพราะสงคราม…ทำให้ตอนนี้แดนสวรรค์ไม่สงบสุขนัก สิ่งที่น่าปวดหัวคือ มันอาจส่งผลกระทบลงมายังโลกเบื้องล่าง ” หลินซินเยว่ถอนหายใจยาว
“ นี่ไม่น่าเป็นไปได้…ตั้งแต่แดนสวรรค์โบราณล่มสลายไป ก็เกิดสงครามชิงตำแหน่งจักรพรรดิหลายครั้ง แต่เท่าที่ฉันจำได้ไม่มีครั้งไหนเกี่ยวข้องกับโลกวัตถุเลยนะ ” อ๋าวเฟิงพูดออกมาตามความเข้าใจ
เขาอยู่มานานหลายล้านปีแล้ว ย่อมเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง ทำให้มีประสบการณ์มากกว่าผู้อื่น
“ ผู้อาวุโส…คุณยังจำเรื่องนิกายจูเซียนได้ไหม ” หลินซินเยว่ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
อ๋าวเฟิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ เรื่องนี้…ถ้าฉันจำไม่ผิด คงเป็นนิกายที่ขึ้นปกครองแดนสวรรค์ได้เพียงร้อยปี ก่อนจะถูกทำลายใช่ไหม ”
เมื่อได้ยินคำตอบของอ๋าวเฟิง หลินซินเยว่ก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่จ้าวเทียนได้พบมาเกี่ยวกับนิกายจูเซียนให้ผู้อาวุโสตรงหน้าฟัง
“ อืม…นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แต่ฉันก็ยังสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เธอบอกในตอนแรก เพราะนิกายนี้ได้โดนทำลายล้างไปหมดแล้วบนแดนสวรรค์ ”
“ คุณคงรู้ใช่ไหม…จ้าวเทียนเป็นผู้ข้ามกาลเวลามาจากอนาคตด้วยเคล็ดวิชาของฉัน ซึ่งสิ่งนั้นได้ส่งผลกระทบกับความทรงจำของฉันเช่นกัน มันทำให้ฉันได้รับรู้เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าอีกหนึ่งแสนปีทุกอย่าง ”
“ ดังนั้น…เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวร้ายๆ ฉันจึงเลือกลงมายังโลกมนุษย์แห่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวฉันในอดีตไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ” หลินซินเยว่อธิบาย วันนี้เธอตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้อีกฝ่ายรู้โดยไม่ปิดบัง
“ เธอหมายความว่า… ”
“ ตามความทรงจำที่ฉันได้รับมา…สงครามแดนสวรรค์ครั้งนี้จะกินเวลาห้าปี ก่อนที่จักรพรรดิองค์ใหม่จะขึ้นปกครองแดนสวรรค์ทั้งหมด ”
“ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่โลกมนุษย์ได้หายไป ” หลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้อ๋าวเฟิงลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว
“ ห้าปี…เธอบอกว่าอีกห้าปี โลกใบนี้จะหายไปงั้นเหรอ ” อ๋าวเฟิงหลุดพูดออกมาด้วยความตกใจ
“ ใช่แล้วค่ะ…มันเป็นเวลาเดียวกับที่สมบัติชิ้นนั้นที่ถูกผู้อาวุโสผนึกเอาไว้ ปรากฏขึ้นบนเอกภพอีกครั้ง ” หลินซินเยว่พูดย้ำความคิดของอ๋าวเฟิง
“ เธอคิดว่าเรื่องนี้…เกี่ยวข้องกับนิกายจูเซียนเหรอ ” หลังจากตั้งสติได้ อ๋าวเฟิงก็ถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ จากการตรวจสอบของฉัน…สงครามครั้งนี้ มีนิกายจูเซียนเป็นผู้ผลักดันอยู่เบื้องหลัง พวกเขายังไม่ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น และใช้วิธีปลุกปั่นยุยงสำนักชั้นยอดหลายสำนัก สร้างเป็นพันธมิตร ทำสงครามชิงตำแหน่งกับจักรพรรดิเทพองค์ปัจจุบัน ”
“ และจากความทรงจำที่ฉันได้มา…ฝ่ายที่นิกายจูเซียนอยู่เบื้องหลังจะเป็นผู้แพ้ และถูกกวาดล้างจนหมดในอีกห้าปีข้างหน้า บางทีถ้าฉันเดาไม่ผิด เรื่องมันอาจจะลุกลามลงมายังโลกมนุษย์ด้วย ”
“ เพราะโลกมนุษย์แห่งนี้…คือต้นกำเนิดของนิกายจูเซียนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีสิ่งสืบทอดของนิกายซ่อนอยู่ และผู้ฝึกตนบนโลกก็ได้รับสืบทอดวิถีเซียนที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยนิกายจูเซียน ”
“ ดังนั้น…มันจึงอาจจะเป็นสาเหตุให้ต้องถูกกำจัด ” หลินซินเยว่พูดขึ้นด้วยความกังวล
เพราะความทรงจำที่ได้มาจากอนาคต และข้อมูลเกี่ยวกับนิกายจูเซียนที่จ้าวเทียนมอบให้ ทำให้เธอตรวจสอบความเคลื่อนไหวทุกอย่างบนแดนสวรรค์อย่างละเอียด จนพอจะคาดการณ์บางอย่างออก
“ นี่มัน…เธอแน่ใจนะ ถึงแม้ว่าโลกวัตถุใบนี้จะเป็นเพียงหนึ่งในจำนวนล้านโลก ที่ก่อเกิดสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา แต่ตามกฎของจักรวาลแล้ว มันไม่สามารถถูกทำลายได้ ”
“ นี่เป็นเหตุผลที่โลกใบนี้ ถูกจำกัดพลังไว้ที่ขอบเขตปราณทิพย์หรือครึ่งก้าวเซียนนภาเท่านั้น ผู้ที่ฝ่าฝืนใช้พลังเกินขอบเขตนี้ จะถูกกฎของจักรวาลลบหายไปทันที ”
“ ถ้าต้องการจะทำลายโลกใบนี้จริงๆ…จะต้องใช้พลังในระดับเทพโลกาขึ้นไปจึงจะสามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งที่เธอบอกมา มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ” อ๋าวเฟิงพูดแย้งออกมาด้วยเหตุผล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน