โดยปกติแล้ว อำนาจในการบริหารประเทศจะถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกองทัพ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ของตนเอง
ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลด้านความเจริญก้าวหน้าของประเทศ คอยกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาด้านต่างๆ และยังควบคุมเรื่องกฎหมายข้อบังคับ โดยมีหน่วยงานตำรวจเป็นผู้ลงมือปฏิบัติหน้าที่ตรงส่วนนี้
ส่วนฝ่ายกองทัพ มีหน้าที่เกี่ยวกับด้านความมั่นคงของประเทศ การปกป้องดูแลรักษาชายแดน และเมื่อเกิดศึกสงครามขึ้น กองทัพยังมีหน้าที่เข้ามาควบคุมวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ
ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ สมควรเป็นหน้าที่ของหน่วยตำรวจและรัฐบาล แต่เนื่องจากฉางกวนผิง ได้อาศัยอำนาจของตัวเองในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าแทรกแซงการทำงานของหน่วยตำรวจ จึงสามารถสั่งการหน่วยสวาทได้
ซึ่งสำหรับฟ่านเจี๋ย ที่เป็นหัวหน้าทีมเจ็ดของหน่วยสวาทภารกิจในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เพราะต้องมารับคำสั่งโดยตรงจากฝ่ายทหาร แทนที่จะเป็นผู้บังคับการตำรวจ
อีกทั้งภารกิจครั้งนี้ ยังถูกสั่งการโดยตรงจากพลเอกฉางกวนผิง และพลเอกเจียงฮุ่ยอีกด้วย ซึ่งทั้งสองคนนี้ เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของฝ่ายทหารในประเทศจีนยุคปัจจุบัน
ศัตรูของพวกเขาเป็นเพียงผู้ก่อการร้ายจริงเหรอ…
“ หัวหน้าฟ่าน…ผมว่าภารกิจครั้งนี้มันแปลกๆนะ แค่จัดการกับผู้ก่อการร้ายไม่ถึงสิบคน ทางกองทัพถึงกับเรียกใช้หน่วยจู่โจมพิเศษ กับเฮลิคอปเตอร์จู่โจมสิบลำ ”
“ นี่ยังไม่รวมหน่วยสวาทของพวกเราอีกสองร้อยคนนะ แล้วคุณดูตรงนั้นสิ พวกเขาถึงกับให้ใช้จรวด RPG ด้วยซ้ำ ”
“ ด้วยกองกำลังขนาดนี้ ใช้ทำสงครามกับประเทศเล็กๆได้สบาย ศัตรูของพวกเราเป็นเทพเซียนหรือไงกัน ถึงต้องลงทุนขนาดนี้ ”
เมื่อได้ยินคำถามของลูกน้อง ฟ่านเจี๋ยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาหันดูรอบกายเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพวกฉางกวนผิงเดินเข้าไปในไนต์คลับแล้ว เขาจึงพูดตอบเสียงเบา
“ ถ้าฉันเล่าอะไรให้ฟัง…นายห้ามไปบอกคนอื่นนะ เรื่องนี้สำคัญมาก ”
เมื่อเขาพูดแบบนั้น พวกลูกน้องที่อยู่รอบๆอีกสิบกว่าคนที่แอบได้ยินก็หูผึ่งทันที ทุกคนต่างตั้งใจแอบฟังกันอย่างเต็มที่ พวกเขาชอบมากไอ้เรื่องที่ห้ามบอกใครเนี่ย
“ มีอยู่ครั้งหนึ่ง…ที่ฉันออกไปปฏิบัติภารกิจลับแถวพรมแดนของประเทศ ตอนนั้นฝ่ายศัตรูของพวกเรา เป็นพวกกองกำลังของชนกลุ่มน้อยเพียงไม่ถึงร้อยคน ”
“ แต่กองกำลังของพวกเรามีเกือบห้าร้อยคน…ตอนแรกฉันคิดว่าภารกิจครั้งนี้คงชนะอย่างง่ายดาย เพราะเราได้เปรียบทั้งอาวุธและจำนวน ”
“ แต่พวกนายรู้ไหม…สิ่งที่คิดไว้มันผิดทั้งหมด เพราะฝ่ายตรงข้ามถึงกับมีปีศาจเฒ่าที่บินได้ อีกฝ่ายแค่เพียงโบกมือครั้งเดียว ทหารของเราเกือบสิบคนก็กลายเป็นกองเลือดสีดำทันที ”
“ เวลานั้น…อาวุธที่อยู่ในมือของพวกเราไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย เพียงเวลาไม่นานคนของเราก็ตายไปร้อยกว่าคน นี่มันเป็นการสังหารอยู่ฝ่ายเดียวชัดๆ ”
“ แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง…ก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาบินลงมาจากฟ้า เข้าต่อสู้กับปีศาจเฒ่าตนนั้นอย่างดุเดือด จนทำให้พวกเรามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ”
พอเล่ามาถึงตรงนี้ เขาก็เหลือบมองลูกน้องที่อยู่ข้างๆเล็กน้อย เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่มองมาแบบไม่เชื่อ เขาก็ถอนหายใจออกมา
“ ฉันรู้ว่านายคงคิดว่าฉันเพ้อเจ้อ…แต่มันเป็นเรื่องจริง ตอนหลังฉันก็เพิ่งมารู้ว่าชายคนที่บินลงมาจากบนฟ้า เขาเป็นเทพเซียนในประเทศของเรา ”
“ เรื่องราวของพวกเขาได้ถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ มีแต่พวกผู้นำระดับสูงเท่านั้นถึงจะรู้วิธีติดต่อกับพวกเขาได้ ”
“ นายรู้ไหม…ตอนที่เซียนสองคนนั้นต่อสู้กัน กองกำลังของพวกเราก็ไม่ต่างจากมด แค่ลูกหลงจากพลังของอีกฝ่ายก็สามารถปลิดชีพพวกเราได้แล้ว ”
“ ในตอนนั้น…ถ้าไม่ใช่ว่าหัวหน้าทีมของฉันเป็นผู้มีประสบการณ์สูง แล้วมอบวิธีเอาตัวรอดให้กับพวกเรา ทีมของฉันคงตายไปหมดแล้ว ” ฟ่านเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าหวนรำลึกถึงความหลัง
“ พวกคุณทำยังไงเหรอ…ถึงเอาตัวรอดมาได้ ” ลูกน้องที่ฟังอยู่ถามขึ้นอย่างสงสัย ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกอยากรู้เหมือนกัน
“ พวกฉัน…. ”
แต่ยังไม่ทันที่ฟ่านเจี๋ยจะพูดจบประโยค
เพล้งงง!
ผนังกระจกบนชั้นสองของไนต์คลับระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ท่ามกลางเศษกระจกที่แตกกระจายไปทั่ว
ชายคนหนึ่งเดินเหยียบอากาศลอยขึ้นไปบนฟ้า เขาบินไปเผชิญหน้ากับเฮลิคอปเตอร์จู่โจมทั้งสิบลำอย่างไร้ความเกรงกลัว
ครืนนน!
มองเห็นเปลวไฟสีทองระเบิดออกมาจากร่างของชายคนนั้น พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่งดังก้องไปทั่ว
“ จะให้ฉันยอมแพ้…พวกแกมีความสามารถพอเหรอ ”
จากนั้นการโจมตีก็เปิดฉากขึ้นทันที
ปังๆๆๆๆ เฟี้ยวววๆๆ
ปืนกลหนักของเฮลิคอปเตอร์จู่โจมทั้งสิบลำสาดกระสุนใส่ไม่ยั้ง รวมถึงปืนจรวด RPG ทุกกระบอกก็ยิงออกมาพร้อมกัน
เปรี้ยง! ตูมมๆๆๆ
แต่เพียงชายคนนั้นปล่อยหมัดออกไป ทั้งจรวดและกระสุนมากมายที่ถาโถมเข้าใส่ ได้ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นจุล
เปรี้ยง! โครมม!
เฮลิคอปเตอร์จู่โจมสองลำที่อยู่ด้านหน้าชายคนนั้น ถูกคลื่นพลังจากหมัดนั้น กวาดเข้าใส่จนกระเด็นออกไป หมุนเหมือนลูกข่าง ก่อนที่จะตกลงมากระแทกพื้นเสียงดัง
อาจเป็นเพราะความสูงที่ไม่มากเท่าไหร่ หรือชายคนนั้นไม่มีเจตนาสังหาร จึงทำให้มันไม่ได้ระเบิดออกมา แต่ทหารที่อยู่ด้านในก็ได้รับบาดเจ็บหนักเอาการ
ปังๆๆๆๆๆ
เสียงสไนเปอร์ไรฟิลเกือบยี่สิบกระบอกดังขึ้นพร้อมกัน กระสุนสังหารพุ่งเข้าใส่จุดสีแดงตรงตำแหน่งหัวใจของชายคนนั้นในพริบตา
แต่อนิจจา…
ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆ
เหมือนกับเนยที่เจอความร้อน กระสุนสไนเปอร์พวกนั้นละลายหายไปก่อนที่จะได้สัมผัสผิวหนังของชายคนนั้นด้วยซ้ำ
เปรี้ยงงง ตูมมม!
หอกเพลิงสีทอง พุ่งสวนกลับไปยังตึกร้างสองชั้นของฝั่งตรงข้าม ที่หน่วยสไนเปอร์ซุ่มอยู่จนมันพังถล่มลงมา ทำให้พวกเขากระโดดหนีออกมาอย่างร้อนรน ได้รับบาดเจ็บกันไปถ้วนหน้า
ปังๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้หน่วยสวาททั้งหมดกราดยิงออกไปอย่างไม่ยั้ง ด้วยเพราะการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง พวกเขาจึงอาศัยเสียงปืนเพื่อกลบฝังความหวาดกลัวของตัวเอง
ศัตรูแข่งแกร่งเกินไป ทรงพลังเกินไป และน่าหวาดกลัวเกินไป ภารกิจในครั้งนี้เหมือนเอาพวกเขามาฆ่าไม่มีผิด ทุกคนต่างกรีดร้องขึ้นภายในใจเหมือนกัน
แต่ทว่า ภายในหน่วยสวาททั้งสิบทีม ยังมีอยู่หนึ่งทีมที่ยังไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ ซึ่งก็คือทีมเจ็ดที่มีฟ่านเจี๋ยเป็นหัวหน้านั่นเอง
” พวกนายเชื่อฉันรึยัง… ” ฟ่านเจี๋ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
พวกลูกน้องของเขา หันมองหน้ากันเองด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่ได้ฟังมาเมื่อครู่ มันได้ประจักษ์ต่อสายตาของพวกเขาเองแล้ว
“ เอ่อ…หัวหน้า คุณยังจำวิธีเอาตัวรอดได้ใช่ไหม ”
ในขณะเดียวกันบนท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน