ครั้งเมื่อตอนเป็นมหาเทพบนแดนสวรรค์ จ้าวเทียนได้บรรลุแก่นแท้ถึงเจ็ดอย่าง ซึ่งแก่นแท้กระบี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และยังเป็นแก่นแท้ที่ทรงอานุภาพทำลายล้างที่สุดของจ้าวเทียน
ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เพียงเขาฟันกระบี่ออกไป ดวงดาวนับสิบก็แหลกเป็นผุยผง ทุกอย่างที่ขัดขวางเส้นทาง ล้วนถูกกระบี่ในมือฟันแยกออกเป็นสองส่วน เมื่อบรรลุถึงขั้นนี้ กระบวนท่าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
เพราะกระบวนท่าและเคล็ดวิชากระบี่ทั้งหมด ได้หลอมรวมอยู่ในแก่นแท้กระบี่หมดแล้ว ยิ่งจ้าวเทียนหลอมรวมเคล็ดวิชากระบี่เข้าไปในแก่นแท้กระบี่มากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งในการโจมตีของเขาก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นเท่านั้น
ซึ่งระดับของแก่นแท้นั้นมีทั้งหมดเก้าขั้น แต่เท่าที่จ้าวเทียนได้ตรวจสอบมา ตั้งแต่มีการสร้างแดนสวรรค์ขึ้นมาใหม่เมื่อหนึ่งล้านปีก่อน
ก็มีคนหลอมรวมแก่นแท้ได้ถึงแค่ขั้นเจ็ดเท่านั้น แม้แต่จ้าวเทียนเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถบรรลุขั้นแปดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขั้นเก้าที่มีอยู่ในตำนานเลย
บางทีคงมีแต่ขอบเขตผู้ปกครองเท่านั้น ถึงจะสามารถทะลวงขีดจำกัดนั้นได้
‘ ฉันคิดว่า…การตระหนักรู้คนกระบี่ประสานเป็นหนึ่ง อาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ไปถึงแก่นแท้กระบี่ระดับแปดได้ ’
‘ แก่นแท้นั้นต้องการพลังในระดับเซียนนภาขึ้นไป…ถึงจะสามารถสำแดงอานุภาพออกมาได้เต็มที่ เพราะสามารถใช้พลังจากโลกภายในของตนเอง หากใช้ตอนที่อยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด คงใช้พลังของมันได้เพียงสองส่วนเท่านั้น ’
‘ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…ตัวฉันในตอนนี้ที่ไม่สามารถใช้พลังเซียนออกมาได้ เพราะเมล็ดพันธุ์เซียนยังคงหลับจำศีลอยู่ แต่คนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งนั้น ฉันสามารถใช้ได้ทุกเมื่อ ขอเพียงแค่มีกระบี่อยู่ในมือ ’
‘ มันเป็นการหลอมรวมสภาวะของกระบี่ เข้ากับสรรพสิ่งรอบตัว ก่อเกิดเป็นกระบวนท่าสังหารอันพิสดารยากต่อการคาดเดา ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวฉันในเวลานี้มาก หากเลือกจังหวะดีๆ น่าจะสามารถรับมือกับเซียนขั้นต่ำได้ไม่ยาก ’
หลังจากซึมซับผลของการต่อสู้อยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเทียนก็ลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ตัวเขารู้ดี ว่ายังไม่ได้บรรลุคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ มันยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
ทันใดนั้น
เขาก็นึกไปถึงเคล็ดวิชากระบี่ของพวกสำนักโบราณ ที่เขาเคยต่อสู้ด้วย บางทีหากได้ศึกษาเคล็ดวิชาเหล่านั้น เขาอาจจะตระหนักรู้ได้มากขึ้น
เพราะมันเป็นเคล็ดวิชาของมนุษย์ที่เน้นกระบวนท่าเป็นหลัก แตกต่างจากเคล็ดวิชาบนแดนสวรรค์ที่เน้นการปลดปล่อยพลังโจมตีอันแข็งแกร่ง
“ ฉินหวง…นายเป็นยังไงบ้าง ” คังหลินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ที่ด้านหลังเขายังมีฉินฟ่านเออร์เดินตามมาด้วย สีหน้าของเธอยังคงไม่หายตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
จ้าวเทียนกับคังหลินได้ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นให้ใช้ตัวตนปลอมในการสนทนากัน เพื่อป้องกันไม่ให้เผยพิรุธจนถูกจับได้
“ ฉันไม่เป็นไร…นายน้อย พวกเราจะเอายังไงต่อไปดี ” จ้าวเทียนพูดขึ้นแววตาจริงจัง เขารู้ว่าคังหลินต้องเข้าใจ ความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ
จะจัดการกับองค์หญิงคนนี้อย่างไร…
การกระทำของเธอมันมากเกินไป เธอหักหลังพวกเขาถึงสองครั้ง ถึงแม้จะเข้าใจในความจำเป็นของเธอ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จ้าวเทียนจะยกโทษให้ เพราะถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขาแข็งแกร่ง คงต้องตายไปเพราะความคับแค้นใจแน่นอน
“ เป็นไปไม่ได้…เขาสังหารแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉินได้อย่างไรกัน ” ฉินฟ่านเออร์พึมพำออกมาเบาๆ
ก่อนหน้านี้คังหลินก็เพิ่งโชว์การสร้างค่ายกลระดับสามในพริบตา จนมาถึงตอนนี้ผู้คุ้มกันของเขาก็ยังสังหารแม่ทัพตาเดียว ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในกองทัพแคว้นฉินได้อีก
นี่พวกเขาเป็นคนจากตระกูลฉินฝ่ายนอกจริงๆเหรอ…
“ พวกเราเดินทางกลับเมืองเถอะ…หลังจากนี้ค่อยปรึกษากันอีกที ” คังหลินหันไปบอกจ้าวเทียน ในเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรกับหญิงสาวคนนี้ดี ก็พาเธอไปส่งที่เมืองก็แล้วกัน
‘ เมื่อไหร่ที่กลับถึงบ้าน…สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือการถอนหมั้น แค่คิดว่าจะต้องอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนนี้ ต่อให้นอนก็คงหลับไม่สนิท ไม่รู้ว่าจะถูกเธอหักหลังเข้าตอนไหนอีก ’
“ ตกลง ” จ้าวเทียนรับคำสั้นๆ พวกเขาได้เก็บรวบรวมของมีค่าที่พวกทหารพกติดตัวมาไว้รวมกัน แล้วเก็บเข้าไปในแหวนมิติของคังหลิน
ในโลกใบนี้ แหวนมิติเป็นของล้ำค่ามาก มีแต่เชื้อสายราชวงศ์กับผู้ที่มีอำนาจระดับสูงเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ใช้งานได้
“ เก็บหัวแม่ทัพตาเดียวไปด้วยแล้วกัน ฉันคิดว่าคงมีประโยชน์ ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ศีรษะนี้มีประโยชน์แน่นอน เขาจะใช้มันเป็นใบเบิกทางสู่อำนาจ และสร้างความหวาดกลัวให้กับฝ่ายศัตรู
เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว จ้าวเทียนก็เดินนำออกไปทันที ก่อนหน้านี้คังหลินได้บอกเส้นทางเอาไว้แล้ว
คณะเดินทางตอนนี้มี จ้าวเทียนกับคังหลินเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนฉินฟ่านเออร์เดินตามมาห่างๆ เพราะการกระทำที่ผ่านมาของเธอ ทำให้พวกจ้าวเทียนไม่อยากจะเสวนาด้วย
ในระหว่างทางแทบจะไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย ทุกคนต่างก็มีความในใจกันทั้งสิ้น
!!
“ มีกองทัพกำลังเดินทางมา…น่าจะมีประมาณหนึ่งพันคน ” จ้าวเทียนที่รู้ตัวก่อนก็ได้พูดเตือนคนอื่น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าดังมาจากเส้นทางด้านหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน