การต่อสู้ที่เริ่มขึ้น และจบลงภายในเวลาเพียงสามนาที มันได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของทุกคนที่มีต่อจ้าวเทียนไปอย่างสิ้นเชิง
ผู้คุมกฎปรมาจารย์ขั้นกลางทั้งสองคน มีหนึ่งคนตายส่วนอีกคนก็ถูกฟันจนแขนขาด สิ่งนี้มันบ่งบอกได้ถึงอะไรบางอย่าง
อย่างที่ทราบกันดี ว่าหากผู้คุมกฎทั้งสองลงมือพร้อมกัน ย่อมสามารถต่อกรกับปรมาจารย์ขั้นสูงได้
หากเป็นแบบนั้น จ้าวเทียนที่สามารถเอาชนะพวกเขาทั้งสองได้อย่างง่ายดายล่ะ พลังฝีมือที่แท้จริงของเขาจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน
ทันใดนั้น ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่ฉินซู่โหวพร้อมกัน พวกเขาอยากรู้ว่าเรื่องราวในวันนี้จะจบลงอย่างไร และสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง
“ ผู้อาวุโส…ได้โปรดสังหารมันแก้แค้นให้พี่ชายของฉัน ” ผู้คุมกฎที่แขนขาดไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง เขาวิ่งมาคุกเข่าลงตรงหน้าฉินซู่โหว
อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ตัวเขาไม่สามารถต่อกรได้ หากต้องการแก้แค้นให้พี่ชาย จำเป็นต้องขอให้เจ้านายของตัวเองลงมือ
“ แก…บรรลุขอบเขตปรมาจารย์ขั้นกลางแล้ว ” ฉินซู่โหวถามจ้าวเทียนด้วยแววตาเคร่งเครียด เขาไม่ได้สนใจลูกน้องที่คุกเข่าอยู่แม้แต่น้อย
กระบวนท่าสุดท้ายของจ้าวเทียน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะป้องกันได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิต
ฉินซู่โหวไม่เคยทำอะไรโดยที่ไม่มีความมั่นใจมาก่อน…
“ ใช่…ฉันบรรลุมันในการต่อสู้เมื่อวาน ” จ้าวเทียนตอบด้วยท่าทีเฉยชา
ข่าวของจ้าวเทียนที่กลายเป็นปรมาจารย์ขั้นกลาง ควรจะเป็นเรื่องที่ทำให้ฉินเซียวเย่ดีใจ เพราะตระกูลของเธอจะได้เพิ่มผู้ช่วยที่เข้มแข็งอีกหนึ่งคน
แต่เมื่อเธอนึกถึงภาพการต่อสู้ที่ผ่านมา เรื่องที่จ้าวเทียนเป็นปรมาจารย์ขั้นกลางก็กลายเป็นเรื่องไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะเขาเพิ่งจะเอาชนะสองผู้คุมกฎได้ด้วยตัวคนเดียว
นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความสามารถของจ้าวเทียนอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงแล้ว หลังจากนี้เมืองเหล็กดำจะมียอดฝีมือสูงสุดถือกำเนิดขึ้นอีกคน ทั้งยังเป็นคนในตระกูลของเธออีกด้วย
ทันใดนั้นแววตาของฉินเซียวเย่ ที่มองจ้าวเทียนก็เปลี่ยนไป มันดูอบอุ่นและจริงใจกว่าเดิมหลายเท่า เพราะเขาจะกลายเป็นความหวังของตระกูล หลังจากที่ท่านปู่สิ้นอายุขัยไปแล้ว
‘ น่าเสียดายที่เขาถูกทำลายความเป็นชายไปแล้ว…ไม่อย่างนั้นฉันจะยกน้องสาวคนเล็กให้เป็นภรรยาของเขา พวกเราจะได้กลายเป็นครอบครัวกันจริงๆ ’
‘ ไม่สิ…เรื่องนี้ยังทำได้ เพราะต่อให้เขาไม่มีไอ้นั่นแล้วก็ไม่เป็นไร พวกเราไม่ได้หวังทายาทจากเขาอยู่แล้ว ขอแค่เขาแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลของเราก็พอ ’
เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินเซียวเยว่ก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี เธอถึงขนาดคิดไปว่าถ้าน้องสาวของเธอไม่ยอม ตัวเธอจะเป็นคนแต่งงานกับจ้าวเทียนเอง
“ ฉินหวง…ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่ง แต่โทษทัณฑ์ของแกก็ยังคงอยู่ อีกทั้งตอนนี้ยังเพิ่มข้อหาสังการผู้คุมกฎเข้าไปด้วย ”
“ ทหารทั้งหมด…รับคำสั่ง โจมตีฉินหวงเดี๋ยวนี้ สังหารเขาแก้แค้นให้ผู้คุ้มกฎ ” ฉินซู่โหวตะโกนออกมาเสียงดัง ตัวเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง
ตรงนี้ยังมีทหารม้าหนึ่งพันนายอยู่ หากพวกเขาลงมือพร้อมกัน ต่อให้เป็นจ้าวเทียนก็ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงแน่นอน
พอถึงเวลานั้น เขาค่อยลงมือปลิดชีพอีกฝ่ายก็ยังไม่สาย…
“ เดี๋ยวก่อน…ผู้อาวุโส เรื่องนี้คงเป็นความเข้าใจผิด ฉินหวงไม่มีทางสมคบคิดกับศัตรูแน่นอน แล้วอีกอย่าง คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการกองทัพของเมืองเหล็กดำ ” ฉินเซียวเย่พูดขึ้นด้วยท่าทีแข็งกร้าว ตอนนี้เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด
จ้าวเทียนเป็นความหวังของตระกูลเธอ จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาไม่ได้เด็ดขาด
“ เหอะ…เธอบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์สั่งการกองทัพงั้นเหรอ ” ฉินซู่โหวแค่นเสียงอย่างเย็นชา
วูป!
แผ่นป้ายสีทองปรากฏขึ้นบนมือเขา
“ นี่คือ…ป้ายประกาศิตเหล็กดำ ทหารทั้งหมดทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้ ”
แผ่นป้ายที่อยู่กับฉินซู่โหวทำให้ฉินเซียวเย่หน้าถอดสี เพราะนี้หมายความว่าแม่ทัพพิทักษ์เมือง ได้เลือกเข้าร่วมกับอีกฝ่ายไปแล้ว
สิ่งที่น่าเจ็บปวดใจที่สุดก็คือ แม่ทัพคนนั้นเป็นอาจารย์ของเธอเอง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน