จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 194

เวลาสี่โมงเย็นที่โลกภายนอก

ภายในห้องทำงานของจ้าวเทียน เวลานี้ได้มีหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี ยืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ตั้งแต่ที่ได้รู้ข่าวคราวของจ้าวเทียน พวกเขาก็เลิกกังวลไปทันที

หากจ้าวเทียนบุกเข้าไปในโลกทิพย์ หรือแดนสวรรค์ถึงจะน่าเป็นห่วง แต่ภายในโลกใบเล็กของสำนักโบราณ คนที่ต่อกรกับจ้าวเทียนได้ก็มีเพียงเจ้าสำนักใหญ่ทั้งห้าเท่านั้น

นอกจากนี้ข้างกายของจ้าวเทียนมีคังหลินอยู่ด้วย ก็แทบจะรับประกันความปลอดภัยได้เลย เรื่องที่คังหลินเป็นเทพที่ลงมาจากแดนสวรรค์ ไม่ใช่ความลับสำหรับแกนนำระดับสูงอย่างพวกเขา

“ วันนี้ พวกเธอกลับไปได้แล้ว

ส่วนพรุ่งนี้ ก็ให้ไปรับคำสั่งที่กองบัญชาการเหมือนเดิม ”

หลินซูซินพูดขึ้นแบบสบายๆ แล้วหันมาสนใจกองเอกสารตรงหน้าต่อ ตั้งแต่ที่จ้าวเทียนได้ควบรวมอำนาจหน่วยข่าวกรองของกองทัพเข้ามา ทำให้ได้รับรายงานข่าวสารมากกว่าแต่ก่อนเป็นสองเท่า

เพราะด้วยข้อมูลหลายอย่าง ที่ถือเป็นความลับระดับสูงของประเทศ ดังนั้นคนที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ จึงมีแต่บรรพชนเซียนตระกูลหลินอย่างหลินซูซินเท่านั้น

แกร่กๆ

มองเห็นปากกาสองด้าม ลอยอยู่บนแผ่นเอกสาร แล้วขีดเขียนตัวอักษรลงไปด้วยตัวของมันเอง หากคนธรรมดามาเห็นคงนึกว่าถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ

ทั้งยังเป็นผีตุ๊กตาหมีที่แสนจะน่ารักอีกด้วย

เฉิ้นจิ้งกับเจนนี่ กำลังยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความสนใจ สำหรับเรื่องที่อีกฝ่ายใช้พลังวิญญาณควบคุมปากกาไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขา เพราะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว

แต่วันนี้ มันกลับมีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นความสนใจของพวกเขาขึ้นมา

“ น่ารักจัง… ” เจนนี่พูดออกมาอย่างลืมตัว หากไม่ใช่เพราะตัวตนของอีกฝ่ายที่เป็นถึงบรรพชนเซียนตระกูลหลิน เธอคงพุ่งเข้าไปกอดแล้ว

“ นั่นสิ…ฉันว่ามันดูเข้ากันมากเลย ” เฉินจิ้งที่คิดเหมือนกัน ก็พูดตอบรับขึ้นอีกประโยค

กึกก!

ปากกาทั้งสองด้ามหยุดชะงักทันที จากนั้นบรรยากาศรอบๆก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

มันเหมือนเป็นสัญญาณเตือน ว่าถ้ายังไม่รีบออกไปตอนนี้ อาจจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นก็เป็นได้

“ เอ่อ…พวกเรารีบออกไปกันเถอะ ” เฉินจิ้งที่เป็นผู้มีประสบการณ์เจอเรื่องซวยๆมาอย่างโชกโชน รีบคว้ามือเจนนี่เผ่นออกไปทันที

เมื่อเห็นพวกตัวป่วนออกไปแล้ว หลินซูซินก็ถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย บังเอิญว่าในห้องนี้มีกระจกอยู่บานหนึ่งพอดี

ทำให้เธอเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้ได้ชัดเจน…

ชุดสาวน้อยเวทมนต์สีชมพู…ที่ถอดแบบมาจากในการ์ตูนของเด็กผู้หญิงอย่างไม่ผิดเพี้ยน สิ่งนี้คือเครื่องป้องกันเวทมนต์ระดับเทพขั้นสูง ที่ท่านอาจารย์สร้างให้เธอเองกับมือ

ไม่รู้ว่าหลินซิงเสวียนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือเปล่า เพราะช่วงนี้เด็กสาวดูจะสนิทสนมกับท่านอาจารย์มากขึ้นทุกที

แม้แต่ในเวลานี้ที่เธอกำลังนั่งทำงานอยู่ หลินซิงเสวียนก็ได้ไปขลุกตัวอยู่ในมิติลับกับโม่ปิงหยู ดูเหมือนท่านอาจารย์เองก็ชอบอยู่กับพวกเธอด้วยเช่นกัน สาเหตุอาจจะเป็นเพราะคอมพิวเตอร์และเครื่องเล่น DVD ที่สาวน้อยทั้งสองคนนำเข้ามิติลับไปด้วย

แม้แต่เวลานี้…หลินซูซินก็ยังนึกสงสัย ข้างในนั้นมันมีไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร แต่เมื่อรู้ว่าคิดไปก็คงไม่มีคำตอบ เธอจึงก้มหน้าทำงานต่อไปอย่างเงียบๆ

ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องหนังสือที่อยู่ติดกับห้องทำงาน หลวงจีนอู๋ซินกำลังนั่งอ่านหนังสือวิชาการความรู้ใหม่ๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันได้เปิดมุมมองของเขา ช่วยให้สามารถเข้าใจปัญหาต่างๆที่ติดค้างอยู่ในใจ

และก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเปล่า ที่ไป๋ซู่เจินเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ในบางครั้งเธอจะช่วยแนะนำหนังสือดีๆให้หลวงจีนอู๋ซิน หรือไม่ก็คอยชงชาให้เขา โดยที่ไม่ได้พูดเรื่องราวในครั้งนั้นอีกเลย ซึ่งหลวงจีนอู๋ซินเองก็ไม่ได้พูดถึงเช่นกัน

เหมือนกับว่าทั้งสองคนได้ลืมมันไปแล้ว…

ท่าทีที่เหมือนจะใกล้ชิดแต่ก็ห่างเหินของทั้งสองคน ตกอยู่ในสายตาของซูต๋าจี่มาโดยตลอด ซึ่งเธอเองก็ได้แต่ทอดถอนใจ เรื่องแบบนี้เธอเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเหมือนกัน

เพราะหลวงจีนอู๋ซินได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขาเป็นศิษย์ของพุทธองค์ไม่สนใจเรื่องทางโลก

ต่อให้เล่าเรื่องราวความรักในชาติก่อนให้เขาฟัง ก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะสี่เซียนและหลวงจีนอู๋ซินนั้นเป็นคนละคนกัน ถึงแม้จะมีวิญญาณดวงเดียวกันก็ตาม

“ ฉันไม่สนว่าเขาจะจำฉันได้หรือเปล่า…ขอแค่ฉันจำเขาได้ก็เพียงพอแล้ว ”

นี่เป็นสิ่งที่ไป๋ซู่เจินบอกกับซูต๋าจี่หลังจากเรื่องในตอนนั้น และเธอก็ทำแบบนั้นจริงๆ เธอไม่ได้เรียกร้องอะไรที่ทำให้หลวงจีนอู๋ซินต้องลำบากใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน