หลังจากจัดการเรื่องพันธสัญญาทาสกับพวกฉินฟ่านเออร์เรียบร้อยแล้ว จ้าวเทียนก็ปล่อยให้คังหลินเป็นคนอธิบาย เรื่องรายละเอียดแผนการทั้งหมดกับพวกที่เข้าร่วมใหม่
ด้วยความสามารถในการวางแผนและคิดวิเคราะห์ขององค์หญิง เธอจะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของพวกเขาแน่นอน
ในตอนหัวค่ำ จ้าวเทียนได้ปฏิเสธงานเลี้ยงฉลองตอนกลางคืน ที่ฉินเซียวเย่เป็นคนจัดขึ้น เพราะดูออกถึงจุดประสงค์แอบแฝง ที่ต้องการจะจับคู่ตัวเขากับน้องสาวคนรองของเธอ
สำหรับเรื่องนี้ พอจ้าวเทียนตัดสินใจบอกออกไปตามตรง ว่าเขาไม่ได้สนใจน้องสาวของฉินเซียวเย่ ให้เธอเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้แล้ว เธอก็เข้าประชิดตัวเขาแทบจะทันที แล้วพูดสวนออกมาด้วยท่าทีกระตือรือล้น
“ ไม่สนใจน้องสาวของฉันเหรอ…แล้วถ้าเป็นตัวฉันล่ะ พวกเราเป็นผู้ฝึกตนด้วยกันทั้งคู่ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องทำเนียมไร้สาระก็ได้ แค่อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็พอ ”
“ ส่วนเรื่องที่นายไม่มีไอ้นั่น…ฉันไม่ใส่ใจหรอก ดีซะอีกที่พวกเราจะได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการฝึกตนได้เต็มที่ ”
“ จะว่าไป ฉันก็พูดคุยเรื่องนี้กับน้องสาวไปแล้วด้วยสิ เอาแบบนี้ดีไหม นายก็รับพวกเราสองคนพี่น้องไว้ทั้งคู่เลย ฉันเป็นเพื่อนฝึกฝนร่วมกับนาย ส่วนน้องสาวก็จัดการเรื่องงานบ้านทุกอย่าง เห็นไหมนี่เป็นบทสรุปที่ดีมากเลยนะ ”
หลังจากฉินเซียวเย่พูดประโยคสุดท้ายออกมา เธอก็หมดสติไปทันที แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งจ้าวเทียนก็คว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะล้มไปบนพื้น
จากนั้นเขาก็รีบประคองเธอไปส่งให้สาวใช้ที่รออยู่ด้านนอก แล้วกลับมานั่งจิบน้ำชาด้วยท่าทางอ่อนใจ
‘ ขืนปล่อยให้เธอพูดต่อ…ฉันคงไม่ได้เริ่มหลอมโอสถฟื้นฟูเสียที หญิงสาวคนนี้มีนิสัยเปิดเผยเหมือนผู้ชาย กล้าที่จะรุกเข้าหาฉันตรงๆ ช่างรับมือยากจริงๆ ’
เวลาประมาณตีสี่
ตอนนี้ จ้าวเทียนกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางไปงานชุมนุมกระบี่ที่สำนักหัวซาน เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก น่าจะมีประโยชน์สำหรับการตระหนักรู้ขอบเขตต่อไป
เมื่อวานหลังจากที่จ้าวเทียน จัดการเรื่องหลอมโอสถเรียบร้อย เล่งซิงอี่ศิษย์ของสาขากระบี่แห่งสำนักหัวซาน ก็ได้มาขอเข้าพบ แล้วเล่าเรื่องงานชุมนุมกระบี่ให้จ้าวเทียนฟัง
ที่จริงแล้วเล่งซิงอี่ ได้รอจ้าวเทียนอยู่ที่งานเลี้ยงนานแล้ว แต่เห็นจ้าวเทียนไม่มาซักที เขาก็เลยเป็นฝ่ายมาหาแทน เพราะงานจะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ มีเวลาให้จ้าวเทียนเตรียมตัวเดินทางแค่คืนนี้เท่านั้น
สำนักหัวซาน ถูกแบ่งออกเป็นสาขาลมปราณและสาขากระบี่ ทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่เนื่องจากเจ้าสำนักคนปัจจุบันอยู่ฝ่ายลมปราณ
ทำให้ฝ่ายกระบี่ ถูกกดดันเอาไว้จนแทบจะทำอะไรไม่ได้…
นี่จึงเป็นเหตุผลที่สาขากระบี่ จัดงานชุมนุมกระบี่ขึ้นมา เพื่อค้นหาผู้มีพรสวรรค์ด้านศาสตร์กระบี่ชั้นยอดมาเข้าสังกัด และเป็นการประกาศจุดยืนของตนเอง ต่อฝ่ายลมปราณในสำนักหัวซาน
เพราะความที่เล่งซิงอี่รู้สึกนับถือพลังฝีมือของจ้าวเทียนมาก เขาจึงเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับงานชุมนุมกระบี่ให้จ้าวเทียนฟังอย่างไม่ปิดบัง และยังสนับสนุนให้จ้าวเทียนเข้าร่วมโดยการมอบแผ่นป้ายตัวแทนให้อีกด้วย
แผ่นป้ายนี้เป็นหลักฐานว่าจ้าวเทียนได้รับการยอมรับ จากผู้อาวุโสระดับสูงในสาขากระบี่ ทำให้ได้อภิสิทธิเหนือกว่าคนอื่น
โดยที่ป้ายอันนี้เป็นของผู้อาวุโสเล่งซู่หยิน บิดาของเล่งซิงอี่ เขาได้สั่งลูกชายเอาไว้ก่อนที่จะออกมา ว่าถ้าเจอยอดฝีมือด้านเพลงกระบี่ ที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าตัวเอง ก็ให้พยายามดึงตัวมาเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่ให้ได้
งานชุมนุมกระบี่นี้ เปิดรับยอดฝีมือกระบี่จากทั่วสารทิศ ไม่สนว่าจะเป็นคนในสำนักโบราณ หรือคนในโลกหมิงหลง ขอแค่มีขอบเขตปรมาจารย์ขึ้นไป และผ่านการทดสอบวัดคุณสมบัติ ก็สามารถเข้าร่วมงานได้
แต่ด้วยป้ายตัวแทนที่อยู่ในมือจ้าวเทียน จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลารับการทดสอบ และสามารถเข้าร่วมงานได้เลย
เนื่องจากตัวจ้าวเทียนเอง ก็มีหนี้แค้นอยู่กับสำนักหัวซานเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงต้องการไปสอดแนมศัตรูเอาไว้ก่อน
แถมตัวตนของเขาในปัจจุบันก็เหมาะสมพอดี เพราะกองกำลังเงาปีศาจ เป็นหน่วยงานของยอดฝีมือที่ทำหน้าที่สืบข่าว และสามารถพบเห็นได้ทั่วไปภายในแคว้นต้าฉิน
ต่อให้จ้าวเทียนใช้สถานะนี้ ในการสืบข่าวความเคลื่อนไหวของสำนักโบราณ ที่เป็นฝ่ายศัตรู ก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดสังเกต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน