จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 211

ในระหว่างรออีกฝ่ายตรวจสอบป้ายตัวแทน จ้าวเทียนก็ยืนชมดูการทดสอบของงานชุมนุมกระบี่ไปด้วย

สนามทดสอบคือเวทีขนาดใหญ่สามเวที โดยจะมีหุ่นเหล็กสีดำตั้งท่าเตรียมสู้อยู่บนแต่ละเวที เฝ้ารอให้ผู้ทดสอบขึ้นไปท้าทาย ซึ่งก็หมายความว่า สามารถเข้ารับการทดสอบได้ครั้งละสามคน

หุ่นเหล็กทุกตัวจะอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ แต่จะมีความแข็งแกร่งไม่เท่ากัน ซึ่งจะมีตัวอักษรบ่งบอกระดับขั้นพลังอยู่คือ ขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง

การทดสอบมีกฎเพียงสองข้อเท่านั้น คือต้องต่อสู้กับหุ่นเหล็กที่มีระดับพลังเท่ากับตัวเอง แล้วอดทนให้ครบหนึ่งนาทีโดยไม่แพ้เสียก่อน

ซึ่งเมื่อดูจากหน่วยพยาบาลที่วิ่งรับผู้บาดเจ็บไปรักษาเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ผ่านไปได้คงจะน้อยเต็มที

สำหรับปรมาจารย์ธรรมดาแล้ว การทดสอบนี้ยากเป็นอย่างมาก หุ่นเหล็กทดสอบแข็งแกร่งจนเกินไป กระบี่ธรรมดาฟันพวกมันไม่เข้าด้วยซ้ำ พละกำลังของมันก็มหาศาล อีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอีก

อย่าได้เห็นว่าพวกมันเป็นเพียงหุ่นกลไก ใช้พลังลมปราณไม่ได้ เพราะผู้ที่คิดแบบนี้ต่างก็ถูกสอยจนร่วงไปหมดแล้ว

สิ่งที่ใช้เป็นพลังงาน ให้หุ่นพวกนี้คือหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อน ต่อหนึ่งตัว ซึ่งเทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งร้อยก้อน

ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ หากมอบหินวิญญาณระดับสูงให้คังหลินหนึ่งก้อน เขาสามารถสร้างค่ายกลระดับสี่ ที่สามารถกักขังทหารนับพัน หรือปรมาจารย์สิบคนได้อย่างสบาย

ดังนั้นพลังงานของหุ่นเหล็กพวกนี้ เทียบเท่ากับปรมาจารย์สิบคน ต่อให้มันไม่มีลมปราณ แต่แค่พละกำลังอย่างเดียวของมันก็กินขาดแล้ว

ส่วนสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ของหุ่นเหล็กพวกนี้ ก็คือพวกมันจะถือกระบี่เอาไว้ทั้งสองมือมือซ้ายและมือขวาของมัน จะสามารถใช้เพลงกระบี่สองชนิดพร้อมกันได้ ทั้งยังประสานกันได้อย่างลงตัว

ทำให้คู่ต่อสู้ของพวกมัน จะรู้สึกเหมือนกับว่าถูกยอดฝีมือสองคนรุมโจมตี จนมือไม้ปั่นป่วน ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็วสมกับที่เป็นผลงานความทุ่มเทของผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายกระบี่แห่งสำนักหัวซาน

ตั้งแต่เริ่มการทดสอบมา มีเพียงห้าคนจากหนึ่งร้อยคน ที่ผ่านการทดสอบหนึ่งนาทีมาได้ โดยคนส่วนใหญ่ที่พ่ายแพ้ จะจบภายในสิบวินาทีแรกทั้งสิ้น

เมื่อจ้าวเทียนเห็นชายคนหนึ่ง โดนฟันแขนขาดกระเด็นตกเวทีไป เขาก็ต้องถอนหายใจให้กับความโหดร้ายของการทดสอบ

หุ่นเหล็กพวกนี้ถูกออกคำสั่งมาว่า ห้ามสังหารมนุษย์เพียงอย่างเดียว ส่วนการทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บหนักหรือพิการนั้นไม่ถือว่าเป็นการขัดคำสั่ง

!!

จ้าวเทียนหันไปมองผู้คุ้มกันคนเดิม วิ่งมาส่งป้ายคืนให้ พร้อมทั้งแอบส่งเสียงลมปราณให้จ้าวเทียนได้ยินกันแค่สองคน

“ พี่ชายเงาปีศาจ…หลังจากนี้จะมีคนมาหาเรื่องคุณ แต่ขอให้อดทนเอาไว้อย่าไปรับคำท้าของอีกฝ่าย รออีกไม่นานผู้อาวุโสเล่งซูหยินก็จะออกมาช่วยคุณเอง ฉันคงบอกคุณได้แค่นี้ ”

“ นี่หมายความว่ายังไง…นายยืนอยู่ฝ่ายฉันงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ออกตั้งแต่แรก จึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพียงแต่ตอนแรกเขานึกว่าผู้คุ้มกันคนนี้เป็นฝ่ายศัตรู เลยแปลกใจที่อีกฝ่ายมาเตือนแบบนี้

“ ฉันเป็นเพียงยามตัวเล็กๆ…ไม่กล้าไปเลือกข้างหรอก แค่หัวหน้าของฉันสั่งลงมา ว่าถ้าเห็นคนใช้ป้ายตัวแทนของผู้อาวุโสเล่งซูหยิน ให้เข้าไปรายงานเขา ซึ่งฉันจำเป็นต้องทำตาม เพราะเขาเป็นหัวหน้าของฉัน ”

“ แต่ตัวฉันเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสเล่งซูหยินเช่นกัน ดังนั้นก็เลยแอบส่งคนไปแจ้งผู้อาวุโสเรียบร้อยแล้ว ”

“ คุณเพียงต้องอดทนอย่าไปหลงกลอีกฝ่ายก็พอ ก่อนหน้าคุณก็มีคนโดนแบบนี้ไปแล้วหนึ่งคน ตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนไม่ได้สติอยู่เลย เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องอดทนเอาไว้ล่ะ ”

“ นายเป็นคนที่น่าสนใจดีนะ…” จ้าวเทียนตอบออกมาเบาๆ เขาเลิกสนใจผู้คุ้มกันที่เดินหลบไปด้านหลัง จากนั้นจ้าวเทียนก็มองตรงไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางอวดดี

‘ เซียนสองคนกับปรมาจารย์ขั้นสูงสี่คนงั้นเหรอ…ก็ดี ฉันจะได้หยั่งเชิงขุมกำลังเบื้องหลังของพวกมันไปในตัว ’

“ หืม…ดูซิว่าพวกเราเจอใคร นี่มันพวกกองกำลังเงาปีศาจไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่า เจ้าของป้ายเป็นไอ้กระจอกนี่” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีเย้ยหยัน

เขามีชื่อว่าเซียวคงอู่ เป็นบุตรชายคนเดียวของผู้อาวุโสสองฝ่ายลมปราณ แม้ตัวเขาจะมีพลังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูง แต่เซียนทั้งสองคนที่ตามมาด้วย กลับมีท่าทีให้ความนอบน้อมแก่เขาเป็นอย่างมาก เหมือนกับเป็นผู้ติดตามอย่างไรอย่างนั้น

“ ใช่…ป้ายนี่เป็นของฉันเอง พวกแกมีปัญหางั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ในเมื่ออีกฝ่ายไร้มารยาทแบบนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเช่นกัน

“ นี่… ” ผู้คุ้มกันที่ได้ยิน ก็ได้ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เขาอุตส่าห์เตือนแล้วว่าให้อดทนเอาไว้ก่อน ไม่คิดว่าจ้าวเทียนจะไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

‘ ช่างเถอะ…อย่างน้อยครั้งนี้ผู้อาวุโสเล่งซูหยิน ก็เอาผิดฉันไม่ได้แล้ว เพราะคนของผู้อาวุโสไม่สนใจคำเตือนของฉันเอง ’

“ หึหึ…ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่พวกชาวพื้นเมืองกล้าต่อต้านสำนักเซียนแบบพวกเรา ถ้าไม่ใช่ว่าอยู่ในงานชุมนุมกระบี่ ฉันคงสังหารแกทิ้งไปแล้ว ” เซียนคนหนึ่งพูดออกมาด้วยจิตสังหาร เขารับไม่ได้ที่พวกมดปลวกแบบจ้าวเทียนกล้ามาปากดีอย่างนี้

“ ใจเย็นๆก่อน…ยิ่งมันปากกล้าแบบนี้ ก็ยิ่งสนุกไม่ใช่เหรอ ” เซียวคงอู่พูดขึ้นด้วยท่าทีสนใจ ก่อนหน้านี้ก็มีอีกคนที่แสดงป้ายตัวแทนออกมาเช่นกัน

แต่ไอ้คนนั้น มันเอาแต่นิ่งเงียบไม่กล้าตอบโต้ จนเขาต้องเปลืองน้ำลายยั่วยุมันอยู่นานกว่าจะกระตุ้นให้มันลงมือได้

‘ ตอนนี้ฉันขาดป้ายตัวแทนอีกแค่อันเดียว…ก็จะสามารถพาสหายสองคนของฉันเข้าไปในงานชุมนุมกระบี่ได้โดยไม่ผิดกฎ ’

‘ ต้องโทษไอ้แก่หัวแข็งเล่งซูหยินนั่น…ฉันขอป้ายดีๆกลับไม่ยอมมอบให้ สุดท้ายเป็นยังไง ฉันก็แย่งเอาจากผู้ถูกเลือกของแกนี่แหละ ’

เรื่องทั้งหมด มันเริ่มจากสหายทั้งสองคนของเซียวคงอู่ไม่ผ่านการทดสอบ ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ จึงต้องมาแย่งชิงป้ายจากคนอื่น

แต่การจะแย่งชิงป้ายได้นั้น ปรมาจารย์ทั้งสองคนจะต้องต่อสู้กันซึ่งๆหน้าแบบตัวต่อตัวเท่านั้น ห้ามให้คนอื่นช่วยเหลือจึงจะไม่ผิดกฎ

“ นายน้อยเซียว…รอบนี้ให้ผมจัดการเอง จะได้ไม่ต้องใช้เวลานานเกินไป ” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน