จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 216

จ้าวเทียนที่ได้ยินเสียงร้องห้าม เขาก็หยุดมือทันที

ผู้ที่มาใหม่คงจะเป็นระดับเจ้าสำนักหรือไม่ก็ผู้อาวุโสสูงสุดแน่นอน เพราะจ้าวเทียนสัมผัสได้ถึงขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด จากความกดดันที่ปลดปล่อยลงมา

จุดประสงค์ของเขาอยู่ที่การเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่ ไม่ได้มาก่อเรื่องวุ่นวายให้สำนักหัวซาน หากเขาทำอะไรลงไปโดยไม่คิดให้ดีเสียก่อน มันจะกลายเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว

หุ่นเหล็กที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการคิดคำนวณการต่อสู้ด้วยตัวเองแบบนี้ มูลค่าของมันย่อมมหาศาลแน่นอน ถ้าต้องเสียพวกมันไป สำนักหัวซานก็เหมือนถูกเฉือนเนื้อไปชิ้นหนึ่ง

แถมจ้าวเทียนก็ได้ทำลายหุ่นเหล็กไปแล้วหนึ่งตัว หากเขายังทำลายสองตัวที่เหลือไปด้วย แล้วสำนักหัวซานไม่มีตัวอื่นมาเปลี่ยนแทน คนที่มารอรับการทดสอบคงสาปแช่งเขาในใจแน่นอน

หลังจากการต่อสู้หยุดชะงักลง หุ่นเหล็กทั้งสองตัวก็ได้ถอยกลับไปยืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาของมันได้กลับมาเป็นสีดำ ข้อจำกัดห้ามสังหารมนุษย์ได้ถูกเปิดใช้อีกครั้ง

ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของผู้อาวุโสเซียวเฉิน เหมือนกับว่าเขารู้จักเจ้าของเสียงเป็นอย่างดี จึงรีบจัดการหุ่นพวกนั้นด้วยท่าทีร้อนรน

ไม่เฉพาะเพียงผู้อาวุโสเซียวเฉิน ที่ทำตัวแปลกไป หลังจากได้เสียงของเซียนคนนั้น เซียนคนอื่นๆเองก็เช่นกัน พวกเขาบางคนมีสีหน้าแสดงออกถึงความเคารพบูชาเจ้าของเสียง

แต่ก็มีบางคนที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะได้ทำความผิดมา ซึ่งคนพวกนั้น ก็คือผู้อาวุโสเซียวเฉินกับเซียนที่กับลูกชายของเขา

บนท้องฟ้า ชายคนหนึ่งได้เดินเหยียบอากาศลงมาอย่างช้าๆ แต่เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจ้าวเทียนอย่างไร้ร่องรอย

“ คารวะ เทพกระบี่ ”

พวกสำนักหัวซานทุกคนก้มหัวพูดขึ้นพร้อมกัน ด้วยความเคารพ โดยเฉพาะอาวุโสเล่งซูหยินนั้นหัวของเขาก้มต่ำลงกว่าคนอื่นมาก เนื่องจากอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับขุมกำลังของเขา

สำหรับผู้ที่อยู่ในฝ่ายกระบี่ทุกคน ต่างก็เคารพนับถือฟงอู๋หยางดุจเทพเจ้า น่าเสียที่ตลอดเวลาห้าสิบปีที่ผ่านมา เทพกระบี่แทบจะไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นเลย ซึ่งก็แน่นอนว่า ไม่มีใครกล้าไปรบกวนด้วย

‘ เทพกระบี่? หรือว่าจะเป็นฟงอู๋หยาง ’

จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยความตกใจ ถ้าถามว่าในสำนักห้าขุนเขากระบี่ทั้งหมด มีใครที่เขายังคงตึงมืออยู่บ้าง คำตอบก็คือเทพกระบี่คนนี้นี่เอง

จากข้อมูลที่กองกำลังเงาปีศาจรวบรวมไว้ พลังฝีมือที่แท้จริงของเทพกระบี่ฟงอู๋หยางนั้นอยู่ระดับเดียวกับเจ้านักใหญ่ทั้งห้า ซึ่งด้อยกว่าต้วนมู่เฉียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ คารวะผู้อาวุโส…คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ” จ้าวเทียนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน อย่างไรตอนนี้เขาก็อยู่ในตัวตนของฉินหวง ซึ่งเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น ศักดิ์ฐานะของเขาอยู่ห่างจากอีกฝ่ายราวฟ้ากับดิน

“ นี่คุณ…. ” เทพกระบี่ฟงอู๋หยาง ไม่ได้พูดอะไรต่อ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของจ้าวเทียน เหมือนสามารถมองทะลุหน้ากากที่เขาสวมอยู่ได้

แวบ!

ดวงตาของฟงอู๋หยางเปล่งประกายเฉียบคม ดุจกระบี่ที่หลุดออกจากฝัก

‘ แย่แล้ว! เขามีเจตจำนงกระบี่อันแข็งแกร่ง ทำให้เคล็ดวิชาอำพรางของศิษย์พี่รองใช้ไม่ได้ผล ’

ในตอนที่จ้าวเทียนปลอมตัวเป็นฉินหวง คังหลินได้มอบเคล็ดวิชาใช้ปิดปังโฉมหน้าจากการถูกสัมผัสวิญญาณตรวจสอบให้กับเขา

เนื่องจากตอนที่คังหลินอยู่บนแดนสวรรค์มักจะก่อเรื่องเป็นประจำ เขาจึงเชี่ยวชาญวิชาพวกนี้เป็นพิเศษ

จ้าวเทียนดูออกว่า ฟงอู๋หยางได้บรรลุขอบเขตเจตน์แห่งกระบี่ไปแล้วครึ่งขั้น แม้จะไม่อาจเทียบกับจ้าวเทียนได้ แต่เขาก็สามารถใช้เจตจำนงกระบี่อันคมกล้า ทำลายเคล็ดวิชาปลอมตัวและภาพลวงตาต่างๆได้สบาย

ทันใดนั้น

แววตาของจ้าวเทียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

หากรอจนอีกฝ่ายเปิดโปงตัวจริงของเขา แล้วต้องถูกเซียนมากมายรุมสังหาร สู้ให้เขาเป็นฝ่ายเปิดฉากการต่อสู้เองดีกว่า มันอาจจะมีโอกาสให้พลิกสถานการณ์ได้

ครืนน!

ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวเทียน มันแตกต่างจากที่เขาใช้ในตอนแรก สำหรับคู่ต่อสู้อย่างเทพกระบี่ หากจ้าวเทียนยังคงปิดบังพลังฝีมือไว้ คงต้องจบสิ้นแน่นอน

“ ช้าก่อนสหายน้อย…ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับเธอ ” ฟงอู๋หยางส่งเสียงลมปราณบอกจ้าวเทียน พร้อมกับท่าทีแสดงความเป็นมิตร

“ คุณรู้ตัวจริงของฉันแล้วไม่ใช่หรือ ” จ้าวเทียนเองก็ส่งเสียงลมปราณถามกลับไปเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน