เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีความสูงเกือบหมื่นเมตร เซียนสองคนบินตรงมาทางยอดเขาเย้ยเมฆาด้วยความเร่งรีบ
“ เล่งซูหยิน…ท่านอาจารย์ของฉันแสดงท่าทีอย่างไรต่อฉินหวงบ้าง เล่าให้ฉันฟังแบบละเอียดสิ ” ชายคนที่กำลังบินนำอยู่ด้านหน้า ถามขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เขามีชื่อว่าหยางเจี๋ย เป็นศิษย์สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของเทพกระบี่ฟงอู๋หยาง ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของฝ่ายกระบี่ หุ่นเหล็กดำที่จ้าวเทียนทำลายไปก็ถูกสร้างขึ้นโดยชายคนนี้เอง
ก่อนหน้านี้เขาได้รับข่าวว่า อาจารย์ของตนออกจากการเก็บตัว จึงรีบออกมาพบ แต่ก็คลาดกันเพียงนิดเดียว
หลังจากนั้นเขาก็ไปดูซากหุ่นเหล็กดำที่ถูกทำลาย และฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากผู้อาวุโสเล่งซูหยิน เพื่อประเมินพลังฝีมือของจ้าวเทียนดู
“ เรื่องนี้…ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่เท่าที่ได้เห็นมา ท่านเทพกระบี่เรียกฉินหวงว่าสหายน้อย ทั้งยังให้เกียรติอีกฝ่ายเหมือนเป็นผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ” ผู้อาวุโสเล่งซูหยินพูดออกมาตามความรู้สึก
“ เรียกว่า…สหายน้อยงั้นเหรอ ” ผู้อาวุโสหยางเจี๋ยพึมพำออกมาด้วยความตกใจ เขาติดตามเทพกระบี่มาเกือบสองร้อยปี แม้แต่ตอนที่เจอเจ้าสำนักระดับกลางคนอื่น อาจารย์ของเขาก็ไม่ได้ใช้คำเรียกแบบนั้น
มีเพียงห้ายอดฝีมือแห่งยุคเท่านั้น อาจารย์ของเขาจึงเรียกอีกฝ่ายว่าสหาย ส่วนยอดฝีมือคนอื่นแทบจะไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
‘ ตอนแรก ฉันคิดว่าอาจารย์จะรับศิษย์ใหม่อีกคน แต่ดูแล้วคงไม่ใช่สินะ จากการที่ปรมาจารย์ขั้นกลางแบบเขา สามารถทำลายหุ่นเหล็กได้ง่ายดาย ’
‘ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า…ชายคนนั้นต้องบรรลุถึงเจตน์แห่งกระบี่แล้วแน่นอน ’
เพราะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของเทพกระบี่ ทำให้หยางเจี๋ยเองก็ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายมาเช่นกัน
และด้วยพรสวรรค์อันสูงล้ำของเขา ทำให้ใช้เวลาไม่ถึงร้อยปี ก็สามารถบรรลุขอบเขตคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งได้อย่างไม่ยากเย็น
ส่วนขอบเขตต่อไปอย่างเจตน์แห่งกระบี่นั้น เขาสามารถเข้าใจเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น เขารู้ตัวดีว่าต่อให้ทุ่มเทไปอีกร้อยปี ก็คงไม่สามารถก้าวหน้าไปกว่านี้ได้
ดังนั้น เมื่อมีคนจากโลกหมิงหลงสามารถบรรลุขอบเขตนี้ได้ เขาจึงต้องการมาเห็นด้วยตาตัวเอง
ในขณะที่พวกเขาใกล้จะถึงยอดเขาเย้ยเมฆานั้นเอง ก็ได้ชนเข้ากับม่านพลังไร้สภาพขวางกั้นเอาไว้อยู่
!!
นี่มัน…ค่ายกลปกปิดของท่านอาจารย์
“ เล่งซูหยิน…เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคนเดียว ส่วนคุณรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้ท่านอาจารย์ของฉันได้เปิดใช้ค่ายกลปิดกั้นยอดเขาทั้งหมดเอาไว้ เชื่อว่าต้องมีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
จากนั้นเขาก็หยิบแผ่นหยกอันหนึ่งออกมา มันคือป้ายผู้สืบทอดที่เทพกระบี่ฟงอู๋หยางมอบไว้ให้ ทำให้ตัวเขาสามารถเข้าออกค่ายกลตรงยอดเขาเย้ยเมฆาได้
แวบ! ครืนนน!
แผ่นหยกเปล่งแสงอันเจิดจ้าออกมา จากนั้นร่างของผู้อาวุโสสูงสุดก็จมหายเข้าไปในค่ายกล ทิ้งให้ผู้อาวุโสเล่งซูหยินยืนอยู่บนฟ้าคนเดียวด้วยสีหน้าสะท้อนใจ เพราะตัวเขาเองก็ต้องการเข้าไปเช่นกัน
สนามประลองบนยอดเขาเย้ยเมฆา
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสิบนาทีก่อน เทพกระบี่ฟงอู๋หยางได้จำกัดพลังของตัวเองอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์เช่นเดียวกับจ้าวเทียน ทั้งสองคนตัดสินใจต่อสู้กันด้วยศาสตร์แห่งกระบี่เพียงอย่างเดียว
ไม่มีการใช้เคล็ดวิชานอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้หวังผลแพ้ชนะ ส่วนจุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อ ใช้การต่อสู้ในครั้งนี้กระตุ้นตัวเองให้ทลายขีดจำกัด
เปรี้ยง ตูมมมม!
เงาร่างสองสายได้ปะทะและแยกออกอย่างรวดเร็ว กระบี่เหล็กดำของเทพกระบี่แทงเข้าใส่จ้าวเทียนอย่างถี่รัว กระแสปราณอันน่าหวาดกลัวระเบิดออกไปรอบด้าน
เปรี้ยงๆๆๆ บูมมม!
กระบี่ราชันสวรรค์ในมือของจ้าวเทียนวาดเป็นวงโคจรอย่างสวยงาม ปัดป้องการโจมตีทุกอย่างในคราวเดียว
ทันใดนั้นแววตาของเทพกระบี่ก็เปล่งประกาย
“ เก้ากระบี่เดียวดาย เคล็ดทำลายกระบี่! ”
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เงากระบี่ดุจอัสนีบาตรเกรี้ยวกราดดุดันหลายสิบสาย ฟาดทำลายม่านกระบี่ของจ้าวเทียนพร้อมกัน มีแต่รุกไม่มีรับ ทุกกระบี่มุ่งโจมตีไปที่จุดเดียว
เปรี้ยงงงๆๆๆ ครืนน!
การโจมตีอันรุนแรงและถี่รัวนั้น ทำให้ม่านกระบี่ของจ้าวเทียนสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังสามารถป้องกันไว้ได้
เคล็ดวิชาวงจรกระบี่ที่จ้าวเทียนบัญญัติขึ้นนั้น มันได้รวบรวมประสบการณ์ของเขาจากสองชาติภพ สามารถปรับเปลี่ยนใช้ได้ทุกสถานการณ์ เป็นกระบวนท่าป้องกันที่ไม่มีจุดอ่อน
‘ ช่างเป็นการโจมตีที่ดุดันจริงๆ สมกับที่เป็นเทพกระบี่ เขาได้ไปถึงขั้นไม่ยึดติดกับกระบวนท่าแล้ว เมื่อไร้กระบวนท่า ย่อมไร้จุดอ่อน ’
‘ และเมื่อไม่ถูกเคล็ดวิชาผูกมัดเอาไว้ ก็จะสามารถบรรลุถึงจุดสุดยอดของเคล็ดวิชาได้ นั่นคือสำนึกกระบี่ หรือก็คือขอบเขตคนกระบี่ประสานเป็นหนึ่งนั่นเอง ’
ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังมองหาจังหวะสวนกลับ…
มันก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับเคล็ดทำลายกระบี่ของฟงอู๋หยาง อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จากที่เคยป้องกันได้อย่างรัดกุมมาตลอด ในตอนนี้มันก็ได้เกิดช่องโหว่ขึ้นจนได้
‘ นี่มัน…เขาสร้างจุดอ่อนขึ้นมาในเคล็ดวิชาของฉันงั้นเหรอ ’
จ้าวเทียนเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบแก้สถานการณ์ทันที กระบี่ในมือเขาวาดออกไปปิดกั้นจุดอ่อนตรงนั้นไว้
ทันใดนั้น
เปรี้ยง!ๆๆๆๆ
เหมือนกับรอจังหวะนี้อยู่แล้ว ฟงอู๋หยางพลิกแพลงกระบวนท่าอีกครั้ง ทำให้วงจรกระบี่ของจ้าวเทียนปรากฏช่องโหว่อีกจุด
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ จนจ้าวเทียนจำเป็นต้องป้องกันอย่างเดียวไม่สามารถโจมตีสวนไปได้
จนกระทั่ง
ฉัวะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน