บนเวทีประลองขนาดใหญ่ จ้าวเทียนและผู้เข้าร่วมประลองอีกสี่คน ขึ้นมายืนรักษาระยะห่างกันประมาณสิบเมตร เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้
ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังสังเกตคู่ต่อสู้คนอื่นๆ พวกฝ่ายตรงข้ามเองก็ทำแบบเขาเช่นกัน เนื่องจากกฎที่ให้ผู้เหลือรอดคนสุดท้ายผ่านเข้ารอบ ทำให้ทุกคนไม่กล้าประมาท เพราะอาจจะถูกอีกสี่คนรุมเอาได้
‘ เซียนขั้นต่ำสามคน กับขั้นกลางหนึ่งคน ดูท่ามันคงเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่ออีกแล้ว ’
จ้าวเทียนรู้สึกผิดหวังที่คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป เซียนขั้นกลางคนนั้นมาจากสำนักเฮ่งซาน ดูจากกระบี่สองคมขนาดใหญ่ยาวเกือบสองเมตร แสดงให้เห็นถึงพลังทำลายมหาศาล
แต่ทว่าพลังในร่างของเขายังไม่เสถียร ดูท่าคงจะเพิ่งทะลวงขอบเขตมาได้ไม่นาน พลังฝีมือยังด้อยกว่าโจวซีห่าวอยู่ขั้นหนึ่ง ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเทียนแน่นอน
ส่วนอีกสามคนที่เหลือนั้น ไม่มีคุณค่าให้จ้าวเทียนสนใจแม้แต่น้อย
“ สหาย…ทำไมพวกเราไม่จัดการคนที่เก่งที่สุดก่อนล่ะ หลังจากนั้นค่อยมาสู้กันเองทีหลัง แบบนี้น่าจะดีกว่านะ ” เซียนขั้นต่ำจากสำนักซงซานพูดขึ้น ทำให้คนที่เหลือหันไปมองหน้ากันทันที นั่นรวมถึงเซียนขั้นกลางที่ถือกระบี่ใหญ่นั้นด้วย
“ เหอะ…พวกเด็กน้อยทั้งหลายคิดจะรุมฉันงั้นเหรอ ” เซียนขั้นกลางที่มีชื่อว่าหนิวจ้าน พูดขึ้นอย่างดูถูก
เมื่อถูกเรียกว่าเด็กน้อย เซียนคนที่พูดขึ้นในตอนแรกก็หน้าแดงวูบหนึ่งด้วยความอับอาย แต่เขาก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิด เพราะในการประลองก่อนหน้า ทุกคนต่างก็ใช้วิธีนี้ทั้งนั้น ซึ่งมันก็สำเร็จไปถึงสามจากเก้าครั้งเลยทีเดียว
“ แล้วยังไงล่ะ…หากนายจะโทษ ก็ไปโทษที่กฎการประลองก็แล้วกัน ” เซียนคนนั้นพูดเถียงขึ้นมาเสียงแข็ง จากนั้นก็หันไปหาผู้เข้าประลองคนที่เหลือว่าจะเอาด้วยกับแผนการนี้หรือไม่
“ ตกลง…จัดการเขาก่อน”
“ ฉันเอาด้วย ”
อีกสองคนที่เหลือต่างก็เห็นด้วย พวกเขามาจากสำนักไท่ซานและสำนักหานซาน
โดยปกติการแบ่งกลุ่ม จะไม่ให้มีคนจากสำนักเดียวกันรวมอยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันการคดโกง ในเมื่อทุกคนต่างก็เป็นคนแปลกหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตกลงกันให้ชัดเจนเสียก่อน
“ แล้วนายล่ะ…สหายจากเงาปีศาจ สนใจจะเอาด้วยไหม ถึงแม้นายจะอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ขั้นกลาง แต่ก็คงมีไม้ตายลับซ่อนไว้อยู่ใช่ไหม ไม่งั้นคงไม่กล้าลงสนามประลองไม่จำกัดแน่ ”
จ้าวเทียนที่ได้ยินก็ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดออกมาด้วยท่าทีเฉยชา
“ ไม่จำเป็น…ฉันไม่สนใจ ”
!!
“ ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีนัก…เป็นแค่ปรมาจารย์ไร้สังกัดอันต่ำต้อยแท้ๆ ” เซียนจากสำนักไท่ซานพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ ฉันคิดว่ามันคงจะกลัวซะมากกว่า…ก็อย่างว่าแหละ พวกชาวพื้นเมืองนี่นะ ย่อมไม่กล้าต่อสู้กับเซียนอย่างพวกเราอยู่แล้ว ” เซียนจากสำนักซงซานพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ส่วนแม่ชีที่มาจากสำนักหานซานไม่ได้พูดอะไร แต่ภายในใจของเธอก็คงคิดแบบเดียวกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ เพราะการต่อสู้กำลังจะเริ่มแล้ว
ตึง!
เมื่อเสียงกลองให้สัญญาณดังขึ้น เซียนทั้งสี่คนก็ระเบิดพลังออกมาทันที ในการประลองทุกรอบ ขอบเขตเซียนห้ามบินขึ้นฟ้า เพื่อป้องกันการต่อสู้ยืดเยื้อ
ดังนั้นเซียนขั้นต่ำทั้งสามคน จึงคิดเห็นตรงกันว่าจะบีบให้เซียนขั้นกลางหนิวจ้าน กระเด็นออกจากเวทีแล้วถูกคัดออกไปตามกฎการแข่งขัน
“ สนเขียวรับแขก! ”
“ กระบี่คร่าชีวิต! ”
“ วายุทลายเมฆ! ”
สามเคล็ดวิชาอันรุนแรง จากสามทิศทางคือด้านหน้า ด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อกดดันให้คู่ต่อสู้ต้องก้าวถอยหลังไปตั้งรับ
แต่ทว่า
น่าเสียดายที่พวกเขาดูถูกฝ่ายตรงข้ามจนเกินไป หนิวจ้านเหมือนจะคำนวนเอาไว้แล้ว เขาแค่นเสียงในลำคอ แล้วกระทืบเท้าไปด้านหน้าอย่างแรง
ตูมม!
พื้นเวทีแตกกระจาย เศษหินมากมายกระเด็นขึ้นมาลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นเขาก็รวบรวมพลัง แล้วตะโกนออกไปด้านหน้า
“ วิชาราชสีห์คำราม! ”
โฮกกก!
ด้วยพลังทำลายของคลื่นเสียงที่ดังไปถึงจิตวิญญาณ มันได้ทำให้เซียนทั้งสามคนที่โจมตีเข้ามาตัวสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง
นอกจากนั้นเศษหินหลายก้อนที่กระเด็นขึ้นมา ได้ถูกพลังคลื่นเสียงผลักดันไปจนกลายเป็นอาวุธลับ บีบให้เซียนทั้งสามต้องหันมาป้องกันตัวเอง
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆ
“ ฉันจะจัดการแกก่อน…ไอ้ตัวต้นคิด ” หนิวจ้านชี้กระบี่หนักไปที่เซียนจากสำนักซงซาน แล้วพุ่งทะยานไปด้านหน้า พร้อมกับฟาดกระบี่ออกไปสุดแรง
“ ฟันกวาดบรรพต! ”
คลื่นพลังขนาดยักษ์ราวกับจะสามารถฟันภูเขาขาดเป็นสองส่วนได้ พุ่งเข้าโจมตีศัตรูทันที เพียงแต่ว่าเป้าหมายของมันไม่ใช่เซียนจากสำนักซงซาน แต่กลับเป็นแม่ชีจากสำนักหานซานที่ดูแล้วพลังฝีมืออ่อนที่สุดแทน
ด้วยความที่ทุกคนคิดว่าเขาจะโจมตีเซียนจากสำนักซงซาน จึงทำให้ไม่มีใครรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันนี้ได้ทัน
เปรี้ยงง! ตูมมม!
แม่ชีถูกการโจมตีเข้าอย่างจัง แม้เธอจะสามารถใช้เคล็ดวิชาป้องกันเอาไว้ได้ แต่เนื่องจากพลังที่แตกต่างกัน ทำให้เธอถูกกระแทกจนกระเด็นตกเวที และต้องถูกคัดออกไปเป็นคนแรก
นี่มัน…แผนหลอกซ้ายจู่โจมขวา
เพียงแค่เริ่มต้น เซียนขั้นกลางที่ถูกรุม ก็ชิงเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แถมยังกำจัดศัตรูหนึ่งคนไปได้ตั้งแต่เริ่ม
ความคิดความอ่านของชายคนนี้ ทำให้จ้าวเทียนต้องมองเขาใหม่อีกครั้ง
‘ แม้พลังฝีมือของเขาจะด้อยกว่าโจวซีห่าว…แต่เรื่องสัญชาตญาณการต่อสู้กับเรื่องแผนการกลับเหนือกว่ามาก หากให้สองคนนี้ต่อสู้กัน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นการต่อสู้ที่สูสีก็ได้ ’
“ แกมัน...ไอ้เจ้าเล่ห์เอ้ย ”
“ บัดซบ แกหลอกฉัน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน