หลังจากที่จ้าวเทียนฟาดคู่ต่อสู้จนกระเด็นตกเวทีไป บรรยากาศภายในลานประลองก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดือดพล่านขึ้นทันที ทั้งคนดูส่วนใหญ่และผู้แข่งขันคนอื่นๆต่างก็รู้สึกรับไม่ได้กับผลการประลองที่เกิดขึ้น
“ โกหกใช่ไหม…เซียนขั้นกลางเป็นฝ่ายแพ้เนี่ยนะ ”
“ไอ้เงาปีศาจนั่น มันต้องใช้กลโกงแน่นอน ”
“ ฉันว่า…หนิวจ้านประมาทเกินไปมากกว่า เลยต้องแพ้ไปแบบโง่ๆ ”
“ หนิวจ้าน แกสร้างความอับอายให้กับพวกเรา ”
ผู้ชมประมาณแปดในสิบส่วน ต่างก็เป็นคนจากสำนักโบราณ พวกเขาย่อมรับไม่ได้ที่อัจฉริยะขอบเขตเซียนของพวกเขา พ่ายแพ้ต่อปรมาจารย์ชาวพื้นเมืองที่พวกเขานึกดูแคลน
หากเป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ทั้งคู่แทบจะไม่ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันด้วยซ้ำ หนิวจ้านพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเกินไป เหมือนเป็นการล้มมวยไม่มีผิด
‘ ไม่ใช่…ฉันไม่เคยประมาทในการต่อสู้มาก่อน ที่ฉันแพ้ ก็เพราะคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากเกินไปต่างหาก ’
หนิวจ้านคิดขึ้นในใจ สายตาของเขามองไปยังแผ่นหลังของชายที่มอบความพ่ายแพ้ให้กับเขาบนเวที ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเดินกลับไปยังที่ของตนแล้ว
ดูเหมือนเสียงโห่ร้องด่าทอของผู้ชม จะไม่มีผลต่อชายคนนั้นแม้แต่น้อย
“ หนิวจ้าน…ความประมาทของนายทำให้ฉันผิดหวังมาก จากนี้เป็นต้นไปนายจะถูกถอดออกจากตำแหน่งศิษย์สืบทอดเจ้าสำนัก”
“ จงกลับไปทบทวนตัวเองดีๆเถอะ ”
!!
เสียงดังขึ้นในความคิด ทำให้ร่างของหนิวจ้านสั่นสะท้านทันที จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นหมดอะไรตายอยาก นาวกับดวงวิญญาณหลุดออกไปจากร่าง
เพราะเขารู้ว่านี่เป็นเสียงอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นเจ้าสำนักเฮ่งซานคนปัจจุบัน
‘ อนาคตฉันจบสิ้นแล้ว…แม้แต่ท่านอาจารย์ก็โทษว่าเป็นความผิดของฉัน ’
ในเวลาเดียวกัน บนที่นั่งพิเศษของเจ้าสำนักห้าขุนเขากระบี่ ชายชราคนหนึ่งได้ถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยหน่าย
เขามีชื่อว่า กงซุนหง เป็นเจ้าสำนักเฮ่งซาน ที่เพิ่งใช้สัมผัสวิญญาณสื่อสารกับหนิวจ้านเมื่อครู่ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก
“ สหายเซียนทุกท่าน…ตอนนี้ผลการประลองได้ออกมาแล้ว ถึงเวลามอบของเดิมพันให้ฉันแล้วละมั้ง ” โจวไท่หยวนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มยินดี นอกจากเจ้าสำนักซงซานแล้ว ที่เหลืออีกสามคนต่างก็วางเดิมพันกับเขาทั้งสิ้น
“ เจ้าสำนักโจว…คุณก็แค่โชคดีเท่านั้น หากไอ้เด็กหนิวจ้านนั่นไม่ประมาท พวกเราก็ไม่มีทางแพ้แน่นอน ” เจ้าสำนักหานซานส่งแหวนมิติวงหนึ่งไปให้โจวไท่เซียน
จากนั้นเธอก็หันไปมองกงซุนหง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ คุณสั่งสอนศิษย์ได้ดีจริงๆ…เซียนขั้นกลางที่พ่ายแพ้ต่อปรมาจารย์ ฉันเกิดมาสามร้อยปีก็เพิ่งเคยเห็นนี่ล่ะ ”
“ พี่ซุนหง…คราวนี้คุณทำฉันไว้แสบมาก ไหนคุณบอกว่าหนิวจ้านเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่คุณฝึกฝนด้วยตัวเองไง ” เจ้าสำนักไท่ซานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาเองก็ส่งแหวนมิติไปให้โจวไท่หยวนเช่นกัน
“เรื่องนี้...ฉัน ” กงซุนหงรู้สึกพูดไม่ออก ในตอนแรกที่โจวไท่หยวนมาเสนอวางเดิมพันผลการต่อสู้กันแบบขำๆ แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่ชวนทุกคนให้วางเดิมพันมูลค่าสูงด้วยความมั่นใจ
พูดได้ว่า…ความสูญเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเขาทำตัวเองทั้งนั้น
โจวไท่หยวนรับแหวนมิติอีกวงมาจากกงซุนหงด้วยแววตาเป็นประกาย ในแหวนมิติแต่ละวงมีหินวิญญาณระดับสูงอยู่ห้าสิบก้อนเลยทีเดียว เป็นการเดิมพันที่มีมูลค่าสูงมาก
เพราะโดยปกติ สำนักระดับกลางจะได้รับหินวิญญาณระดับสูงจากสมาพันธ์บู๊ลิ้ม เพียงปีละหนึ่งร้อยก้อนเท่านั้น
ซึ่งหลังจากที่จัดสรรให้กับเหล่าผู้อาวุโสไป เจ้าสำนักอย่างโจวไท่หยวนเองก็เหลือให้ใช้ฝึกตนเพียงสิบกว่าก้อนเท่านั้น
ดังนั้นหินวิญญาณระดับสูงจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบก้อนที่ได้มาในครั้งนี้ หากเป็นในยามปกติอาจจะต้องใช้เวลาเก็บสะสมถึงสิบกว่าปีเลยทีเดียว
‘ เสียดายเจ้าสำนักซงซานไม่ยอมวางเดิมพันด้วย ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับชายที่ชื่อฉินหวง ฉันคงต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี ’
ในขณะที่เจ้าสำนักคนอื่นๆกำลังเคร่งเครียดกับผลการประลองที่ผ่านมา แต่จ้อเซียงหยุนเจ้าสำนักซงซานกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย จอกน้ำชาที่อยู่ในมือเขายกค้างเอาไว้นานแล้ว
ความคิดในใจของเขาตอนนี้กำลังปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมาก
‘ ไม่ผิดแน่…มันเป็นฉินหวงคนเดียวกับที่ทำลายแผนการของฉันที่เมืองเหล็กดำแน่นอน มันมาปรากฏตัวที่งานชุมนุมกระบี่ได้อย่างไร ’
‘ คงไม่ใช่ว่า…คิดจะเอาความลับเหมืองหินวิญญาณมาบอกสำนักหัวซานหรอกนะ จากที่โจวไท่หยวนบอกมา ดูเหมือนมันจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับฝ่ายกระบี่ของหัวซาน ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน