ในการประลองรอบไม่จำกัด ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของงานชุมนุมกระบี่ในครั้งนี้ก็ว่าได้ เพราะทุกคนต่างต้องการรู้ว่า ใครจะกลายเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของห้าขุนเขากระบี่
โดยในงานชุมนุมสองครั้งที่ผ่านมา ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่เป็นผู้ชนะก็คือ ตัวแทนจากสำนักซงซานและสำนักหัวซาน และก็เป็นที่แน่นอนว่า ตอนนี้พวกเขาได้ยกระดับขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสระดับสูงแล้ว จึงไม่สามารถลงแข่งได้อีก
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ทุกคนก็ยังมองว่าสองสำนักนี้จะต้องเป็นตัวเต็งในการประลองอย่างแน่นอน เพราะพวกเขานั้นมีเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งกว่าสำนักอื่น
“ การต่อสู้ในรอบนี้…ที่น่าสนใจที่สุดคือสนามประลองที่ห้า ศิษย์อันดับหนึ่งของฝ่ายลมปราณเจอกับปรมาจารย์ไร้สังกัด ฉินหวง ”
“ ไม่ทราบว่า…เจ้าสำนักโจวต้องการจะวางเดิมพันกับพวกเราอีกรอบไหม ” กงซุนหงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาต้องการแก้เผ็ดอีกฝ่ายในเรื่องก่อนหน้านี้
‘ จิ้งจอกเฒ่าโจวไท่หยวน…รู้เรื่องความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉินหวงอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมบอกคนอื่น ถ้าไม่ใช่ว่าฉันส่งคนไปสืบข้อมูลมาเมื่อชั่วโมงก่อน ไม่แน่ว่าจะต้องสูญเสียอีกเยอะ ’
“ พี่ซุนหงไม่เห็นจะต้องถามเลย…โจวซีห่าวเป็นถึงศิษย์รักของเจ้าสำนักโจว เขาก็ต้องกล้าเดิมพันอยู่แล้วใช่ไหม ” เจ้าสำนักไท่ซานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนนี้พวกเขารู้ความจริงหมดแล้ว และก็ไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน
….
“ เรื่องนี้…ฉันว่ามันคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ พวกเราเป็นถึงเจ้าสำนักแห่งห้าขุนกระบี่ หากจะมาเล่นเดิมพันกันทุกครั้ง หากใครรู้เข้ามันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ” โจวไท่หยวนตอบด้วยท่าทีจริงจัง เขายอมเสียหน้า แต่ไม่มีทางยอมเสียหินวิญญาณระดับสูงพวกนี้ไปเด็ดขาด
‘ ในเมื่อมันกลายเป็นของฉันแล้ว…พวกนายก็อย่าหวังจะได้คืนเลย ’
ณ สนามประลองอันดับที่ห้า
สนามประลองแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องมาจากชัยชนะอันไม่สมเหตุสมผลของจ้าวเทียนในรอบที่แล้ว ทำให้ศิษย์ของสำนักห้าขุนเขากระบี่ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง
“ ศิษย์พี่โจว…สั่งสอนไอ้ขี้โกงนั่น ให้รู้สำนึกเลยครับ ”
“ คุณคือตัวแทนของห้าขุนเขากระบี่ อย่าให้ปรมาจารย์ไร้สังกัดแบบนั้นมาหยามเกียรติพวกเราได้ ”
“ โจวซีห่าว พวกฉันรอดูนายอยู่นะ ”
เวลานี้ เสียงโห่ร้องให้กำลังใจอันล้นหลามของผู้ชม ไม่ได้ทำให้โจวซีห่าวรู้สึกยินดีแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขารู้สึกอยากจะตะโกนด่าทอคนจัดคู่ประลองออกมาดังๆแทน
‘ บัดซบ…ทำไมฉันต้องมาเจอมันเป็นคนแรกด้วย ’
ที่จริงแล้วโจวไท่หยวนได้วางแผนเอาไว้ ว่าจะส่งจ้าวเทียนไปเจอกับยอดฝีมือระดับสูงของสำนักอื่น เพื่อตัดกำลังก่อนซักสองรอบ แล้วค่อยให้ลูกศิษย์ของเขาใช้พลังที่เหนือกว่ายื้อการต่อสู้จนกว่าจะชนะ
แต่เขาก็คงคิดไม่ถึงว่า เพราะความโลภของตัวเขาเอง จะทำให้เจ้าสำนักคนอื่นไม่พอใจ จนเข้ามาควบคุมการจัดคู่ประลองด้วยตัวเอง
สุดท้ายคนที่โชคร้ายก็คือโจวซีห่าว ที่ต้องเจอกับจ้าวเทียนตั้งแต่รอบแรก
“ ว่าไง…แกจะลงไปเองไหม ” จ้าวเทียนถามย้ำอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าอาจจะต้องเจอกับเซียนขั้นสูงของสำนักซงซาน เขาเองก็ไม่อยากเปลืองแรงกับโจวซีห่าวเช่นกัน
“ ฉินหวง…อย่าอวดดีให้มันมากเกินไป ฉันไม่มีทางยอมแพ้โดยไม่สู้แน่นอน ” โจวซีห่าวกัดฟันพูดขึ้น ต่อหน้าคนตั้งมากมาย เขาต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้
“ ฉันแค่ไม่อยากเปลืองแรงกับคู่ต่อสู้อ่อนๆแบบแกก็เท่านั้น ” จ้าวเทียนส่ายหน้าหน้าด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นเขาก็ชักกระบี่ออกมาชี้ตรงไปที่ฝ่ายตรงข้ามอย่างท้าทาย
“ เริ่มเถอะ…อย่าทำฉันเสียเวลา ”
!!
“ บัดซบ…ฉันไม่เชื่อว่าจะสู้แกไม่ได้! ” โจวซีห่าวตะโกนปลุกใจตัวเอง แล้วระเบิดพลังฝีมือทั้งหมดออกมาในคราวเดียว
“ พลังเซียนรัศมีม่วง! ”
ครืนน!
ร่างของโจวซีห่าวพุ่งทะยานไปด้านหน้า ใบหน้าของเขาเปล่งประกายสีม่วงจางๆ กระแสพลังอันอ่อนนุ่มดุจปุยเมฆ แต่แฝงพลังหยุ่นเหนียว กลายเป็นอาณาเขตทะเลเมฆสีม่วงเข้าปกคลุมจ้าวเทียนเอาไว้
“ อาณาเขตของฉัน…กลืนกินมันซะ ”
บูมม! ครืนนน!
สิ้นเสียงของเขา ทะเลเมฆสีม่วงเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดดุดัน พลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวโถมเข้าใส่จ้าวเทียนจากทุกทิศทาง อย่างมืดฟ้ามัวดิน
“ ลูกไม้เดิมๆ… ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เจตจำนงกระบี่อันแหลมคมปลดปล่อยออกมาจากร่างเขา ผลักดันคลื่นพลังงานสีม่วงออกไป
จากนั้น กระบี่ได้ลอยออกจากมือของจ้าวเทียนด้วยตัวมันเอง และประสานเป็นหนึ่งเดียวกับเจตจำนงของเขา
“ เจตน์แห่งกระบี่! ”
วิ้งงง! เฟรี้ยววว!
เส้นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปด้วยความเร็วเหนือขีดจำกัด มันฉีกกระชากอาณาเขตเมฆม่วงของโจวซีห่าวจนกระจุยในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน