เมืองหยกเขียวแห่งแคว้นต้าฉิน
จ้าวเทียนได้เดินออกมาจากเขตอาคมเคลื่อนย้ายของเมือง เขามองไปที่บรรยากาศรอบๆ ก็รู้สึกว่ามันเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองเหล็กดำมาก ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะเมืองแห่งนี้ได้ถูกปกครองโดยสำนักคุนหลุน
ตำแหน่งเจ้าเมืองที่ราชสำนักแต่งตั้งมา เป็นเพียงตัวแทนคอยจัดการเรื่องราวต่างๆเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ
หากย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆจำนวนมากที่อยู่รวมกัน เหตุผลที่เปลี่ยนไปเป็นเมืองขนาดใหญ่ได้ ก็ด้วยการจัดการของสำนักคุนหลุนทั้งสิ้น
‘ ถือเป็นโชคดีที่สำนักคุนหลุนตั้งอยู่ในแคว้นต้าฉิน…ฉันจึงสามารถขอใช้เขตอาคมเคลื่อนย้ายได้ ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่กำลังจะได้เจอแม่ของตัวเอง เวลานี้จ้าวเทียนได้ถอดหน้ากากและเครื่องแบบของเงาปีศาจออกแล้ว เขาใช้วิธีปลอมตัวแบบง่ายๆด้วยการใส่หมวกงอบ และผ้าดำปิดบังใบหน้าแทน
ตั้งแต่อยู่ที่เมืองเหล็กดำ จ้าวเทียนก็ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของสำนักคุนหลุนเอาไว้แล้ว แม้ว่ามันจะไม่ละเอียดนัก
เพราะยากมากที่สายลับจะแฝงตัวเข้าไปด้านในสำนักได้ ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อน สำนักคุนหลุนก็ประกาศเก็บตัวไม่ต้อนรับคนนอก
ระหว่างที่เดินไปตามท้องถนน สายตาเขาก็มองขึ้นไปยังเทือกเขาขนาดใหญ่ที่โอบล้อมเมืองหยกเขียวเอาไว้ เป็นลักษณะรูปพัด ประกอบไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ถึงห้าลูก
และภูเขาตรงกลางที่สูงที่สุดก็เป็นสถานที่ตั้งของสำนักคุนหลุน…
!!
หืม…นี่มัน
รถม้าที่เพิ่งวิ่งผ่านจ้าวเทียนไป มีเสียงเด็กๆกำลังร้องไห้และเสียงชายคนหนึ่งพูดจาข่มขู่ แม้เสียงจะเบามาก แต่เนื่องจากประสาทการได้ยินของเขาเหนือมนุษย์ไปไกล จึงสามารถฟังออกได้อย่างชัดเจน
วูป!
จ้าวเทียนรีบใช้สัมผัสวิญญาณเข้าตรวจสอบดู และเขาก็พบว่าภายในรถม้าคันใหญ่ มีเด็กชายและเด็กหญิงสองคน อายุประมาณสิบขวบถูกมัดมือมัดเท้าและใช้ผ้าอุดปากไว้ ที่ด้านข้างยังมีหญิงสาวคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนนอนหมดสติอยู่
ทั้งหมดนี้คงเป็นฝีมือของชายชุดดำวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
‘ เป็นปรมาจารย์ขั้นสูง…แต่กลับยอมลดเกียรติตัวเองมาลักพาตัวเด็กงั้นเหรอ ’
จ้าวเทียนหยุดคิดเล็กน้อย แล้วตัดสินใจสะกดรอยตามคนพวกนั้นไป เพราะหากปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้วนิ่งเฉย ก็คงเสียทีที่ฝึกฝนขึ้นมาอย่างยากลำบาก
รถม้าคันนั้นวิ่งเข้าไปในตัวตึกขนาดใหญ่ ที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองหยกเขียว จากนั้นก็มีชายชุดดำสามคนออกมาแบกตัวผู้หญิงและเด็กทั้งสองคนเข้าไป
‘ สถานที่แห่งนี้…ถึงกับมีเขตอาคมป้องกันสัมผัสวิญญาณด้วย เห็นทีเรื่องนี้คงจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา ’
จ้าวเทียนคิดขึ้นอย่างแปลกใจ เขาแฝงกายอยู่ตรงเงามืดของกำแพง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ พวกปรมาจารย์ไม่มีทางตรวจพบเด็ดขาด
เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือ ก็เพราะต้องการเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนปล่อยตัวการที่แท้จริงหลุดไปได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง
ที่ห้องโถงด้านใน เด็กสองคนนั่งกอดกันด้วยสีหน้าหวาดกลัว ส่วนหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว และตอนนี้เธอกำลังยืนปกป้องเด็กๆเอาไว้
“ พวกแกเป็นใคร…กล้าดียังไงถึงจับตัวนายน้อยทั้งสองมา ” เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น เธอมีชื่อว่าเจียงลี่เป็นปรมาจารย์ขั้นกลาง
วันนี้เธอพานายน้อยทั้งสองออกมาท่องเที่ยวในเมือง แต่กลับถูกลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยยอดฝีมือชุดดำ จนสุดท้ายก็ถูกจับมาอย่างที่เห็น
“ หุบปาก…ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่ต้องพูด ไม่อย่างนั้นจะสังหารทิ้งทุกคน ” ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างเย็นชา
!!
เมื่อได้ยินแบบเจียงลี่ก็หน้าซีดลงด้วยความหวาดกลัว เธอหันไปมองเด็กทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็มองไปยังฝ่ายศัตรูที่มีถึงสี่คน
จากพลังปราณที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาทำให้รู้ว่า ทุกคนต่างก็เป็นปรมาจารย์ขั้นสูงที่แข็งแกร่งกว่าเธอทั้งสิ้น
‘ ไม่ว่ายังไง ฉันจะต้องช่วยนายน้อยทั้งสองออกไปให้ได้ ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตก็ตามที ’
จากที่เธอสังเกตดู ที่อีกฝ่ายทำไปทั้งหมด คงไม่ได้ต้องการชีวิตของพวกเธอ มันยังมีโอกาสที่จะสามารถต่อรองกันได้ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเงียบและเดินเข้าไปปลอบโยนเด็กทั้งสองคนก่อน
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ก็ได้มีคนสามคนเดินออกมาจากห้องด้านใน พวกเขาเองก็สวมชุดดำเช่นกัน ซึ่งก็มีชายชราคนหนึ่งหยิบเอารูปวาดสองแผ่นออกมา เพื่อเปรียบเทียบใบหน้ากับเด็กทั้งสองคน
“ เป็นตัวจริงไม่ผิดแน่…พวกนายทำได้ดีมาก ฉันจะรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปให้เจ้าสำนักรู้แน่นอน ”
“ ขอบคุณครับ…ผู้อาวุโส ” ชายชุดดำสี่คนแรกพูดพร้อมกันด้วยความยินดี พวกเขาเป็นคนวางแผนการลักพาตัวครั้งนี้ทั้งหมด ตั้งแต่การติดสินบนซื้อตัวคนของฝ่ายตรงข้าม จนได้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของเป้าหมายทั้งหมด
“ คุณเป็นหัวหน้าใช่ไหม…จุดประสงค์ของพวกคุณคืออะไร เงินหรือหินวิญญาณ ขอเพียงบอกออกมารับรองว่าฉันสามารถหาให้ได้ทั้งนั้น ” เจียงลี่พูดต่อรองออกมาด้วยแววตาเคร่งเครียด ตั้งแต่ที่ชายสามคนนั้นเดินออกมา เธอก็เลิกคิดที่จะต่อสู้ทันที
‘ ฉันสัมผัสพลังของพวกเขาไม่ได้…แบบนี้ย่อมหมายความว่าพวกเขาอยู่เหนือขอบเขตพลังของฉันมากเกินไป ’
‘ เซียนสามคนกับปรมาจารย์ขั้นสูงอีกสี่คน เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ลักพาตัวปกติแล้ว ’
“ เหอะ…คิดว่าของแบบนั้นจะทำให้พวกฉันพอใจงั้นเหรอ ” ชายชราพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ งั้นพวกคุณต้องการอะไร ” เธอยังคงถามต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน