ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ณ ยอดเขาเย้ยเมฆา ที่มีความสูงเกือบเจ็ดพันเมตร มีลักษณะคล้ายกระบี่ปักอยู่บนพื้น สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักหัวซาน ที่แม้แต่เจ้าสำนักคนปัจจุบัน ยังไม่กล้าที่จะเข้ามารบกวนโดยไม่ได้รับอนุญาต
เนื่องจากมันคือที่เก็บตัวของเทพกระบี่ฟงอู๋หยาง…
เป็นเวลาเกือบสามวันแล้ว หลังจากที่ได้รับแก่นแท้เลือดมังกรมา เทพกระบี่ก็ได้ใช้มันเพื่อหลอมรวมกับเมล็ดพันธ์ุเซียนของตนเอง
ถึงแม้กระบวนการทุกอย่างจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ความเสียหายที่เมล็ดพันธ์ุเซียนได้รับในอดีต ถูกซ่อมแซมจนฟื้นฟูกลับมาจนสมบูรณ์ในวันนี้
ครืนน!
พลังฟ้าดินในรัศมีร้อยกิโลเมตรสั่นสะเทือน ร่างของเทพกระบี่ได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และปลดปล่อยความกดดันมหาศาลออกมา
จนกระทั่ง
บูมมม!
เมล็ดพันธุ์เซียนของเขาได้ระเบิดออก จากนั้นก็วิวัฒนาการขึ้นเป็นโลกภายในที่ไม่สมบูรณ์ ข้อจำกัดทุกอย่างที่พันธนาการเขาเอาไว้ได้พังทลายลง
ขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภา!
‘ หลังจากที่ต้องอดทนมาถึงร้อยห้าสิบปี…ในที่สุดฉันก็ทำได้สำเร็จ ’
ในสายตาของเทพกระบี่ตอนนี้ สรรพสิ่งรอบๆตัวได้แตกต่างไปจากเดิม เขาได้มองโลกใบนี้จากในมุมที่สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งต้นไม้ แผ่นดิน และท้องฟ้า มันเกิดจากอณูพลังขนาดเล็กนับไม่ถ้วนเกาะกลุ่มรวมกัน
เพียงแค่เขาใช้พลังเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้มันสลายตัวหรือรวมตัวขึ้นใหม่ เป็นพลังกฎเกณฑ์ที่มีเพียงผู้สร้างโลกภายในเท่านั้นที่สัมผัสได้
ทันใดนั้น
แววตาของเทพกระบี่ก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคม แค่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภามันยังไม่พอ หลังจากที่ได้ประลองกับจ้าวเทียน เขาก็ได้ค้นพบจุดอ่อนของตัวเอง
อีกทั้ง ยังได้สัมผัสถึงขอบเขตเจตน์แห่งกระบี่ที่จ้าวเทียนแสดงออกมา ด้วยพรสวรรค์ด้านกระบี่อั้นสูงล้ำของเขา ทำให้ความเข้าใจในศาสตร์กระบี่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีความลับอย่างหนึ่ง ที่เขาไม่เคยบอกใคร
วูปป!
เศษเสี้ยวดวงจิตขนาดเล็ก ที่หลับใหลอยู่ในจิตวิญญาณของเทพกระบี่ ได้ถูกปลุกตื่นขึ้น มันส่งแรงดึงดูดมหาศาลออกมา
แวบบ!
ภาพทุกอย่างได้ดำมืดลง ดวงจิตของเทพกระบี่ได้ถูกดึงเข้าสู่ห้วงเวลาในอดีตเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน
มหาสงครามเทพบรรพกาล!
กองทัพเทพสวรรค์และมารร้ายแห่งอเวจี ได้เปิดฉากสังหารกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน มีดวงดาวหลายล้านดวงต้องแตกสลายไปเป็นเถ้าธุลี สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านต้องสูญสิ้นเผ่าพันธ์ุ
สงครามครั้งนี้ได้ทำให้จักรวาลทั้งหมดสั่นสะเทือน ท่ามกลางการต่อสู้ของเทพและมาร ดวงจิตของเทพกระบี่ได้ถูกดึงเข้าไปอยู่ตรงหน้าบุรุษผู้หนึ่ง
ด้วยกายทิพย์ขนาดมหึมา เทียบเท่าดวงอาทิตย์สิบดวง เพียงแค่กระบี่สีดำในมือฟันกวาดออกไป ก็สามารถทำลายทัพมารนับล้านจนสลายกลายเป็นฝุ่น
ท่วงท่าของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราดดุดัน ซึ่งหากสังเกตดูดีๆจะพบว่า มันเป็นเคล็ดวิชาเดียวกับวิชาเก้ากระบี่เดียวดายที่เทพกระบี่คิดค้นขึ้น
‘ ฉันค้นพบเศษเสี้ยวดวงจิตนี้เมื่อสองร้อยปีก่อน และได้ถูกดึงเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งสงครามบรรพกาลในครั้งนั้น ’
‘ ด้วยขอบเขตกระบี่อันอ่อนด้อย…ฉันสามารถทำความเข้าใจเคล็ดวิชาของชายคนนี้ได้เพียงสี่ส่วนเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ฉันสามารถบัญญัติวิชาเก้ากระบี่เดียวดายขึ้นมาได้ ’
‘ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน…ด้วยขอบเขตกระบี่ในปัจจุบันของฉัน จะต้องสามารถตระหนักรู้เคล็ดวิชาส่วนที่เหลือได้อย่างแน่นอน ’
นี่คือความลับของต้นกำเนิดวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย ที่เทพกระบี่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ทุกคนในยุทธภพต่างรับรู้เพียงว่า เทพกระบี่ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้โดยบังเอิญเท่านั้น
ต้องบอกเลยว่า พรสวรรค์ของเทพกระบี่นั้นเป็นของจริง ต่อให้เทียบกับยอดอัจฉริยะที่ถือกำเนิดบนแดนสวรรค์ก็ไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย
เพราะเจ้าของเคล็ดวิชาที่เขาใช้เป็นต้นแบบนั้นคือ หนึ่งในสิบจักรพรรดิเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์โบราณ
ผู้ที่ได้รับสมญานามว่า…อสูรกระบี่แสวงพ่าย
ตลอดเวลาหลายล้านปีที่จักรพรรดิเทพองค์นี้มีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยรับผู้สืบทอดมาก่อน เพราะไม่มีผู้ใดคู่ควร
จนกระทั่งเมื่อเขาดับสูญไปในมหาสงครามบรรพกาล ทั้งตัวตนและเคล็ดวิชาของเขา ก็ได้ถูกกาลเวลาลบหายไปในที่สุด
ในโลกแห่งความจริง
ร่างของเทพกระบี่หลับตาลอยค้างอยู่กลางอากาศ เจตจำนงของเขาเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน มันคล้ายกับตอนที่จ้าวเทียนเกิดภาวะรู้แจ้งโดยฉับพลันมาก
ห่างออกไปเกือบสองพันเมตร หยางเจี๋ยซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักหัวซานคนปัจจุบัน และบรรดาผู้อาวุโสระดับสูง ต่างเฝ้ามองดูเทพกระบี่ด้วยความกังวล
พวกเขาไม่สามารถเข้าไปใกล้มากกว่านี้ได้ เพราะคลื่นพลังไร้สภาพที่เทพกระบี่ปลดปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัวนั้น เปรียบดั่งฝนกระบี่อันแหลมคมที่สามารถเฉือนเซียนขั้นสูงขาดเป็นชิ้นๆได้
‘ ท่านอาจารย์เป็นแบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว…ไม่รู้ว่าเขาจะพื้นสติกลับมาตอนไหน ฉันมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับสมาพันธ์บู๊ลิ้มต้องรายงานซะด้วยสิ ’
หยางเจี๋ยคิดขึ้นด้วยความร้อนใจ เมื่อชั่วโมงก่อน สมาพันธ์บู๊ลิ้มได้ประกาศสงครามกับจ้าวเทียนและสำนักคุนหลุน ทั้งยังตัดการสื่อสารทุกอย่าง ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง
ตัวเขานั้นได้รู้ความจริงเรื่องที่จ้าวเทียนก็คือฉินหวงแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังต้องการความช่วยเหลือแน่นอน และมีเพียงอาจารย์ของตนเท่านั้นที่จะช่วยได้
ในขณะที่เขากำลังรู้สึกกังวลอยู่นั่นเอง
ครืนนน
เพียงพริบตาเดียวพลังงานฟ้าดินภายในสำนักหัวซานก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นเมฆสีดำก็ได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน