หลักการของค่ายกลนั้น เป็นการเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินมาใช้ประโยชน์ โดยการสร้างวงจรเวทย์ที่ซับซ้อน และใช้หินวิญญาณระดับต่างๆเป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน
ซึ่งอานุภาพของค่ายกล จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของหินวิญญาณและความเชี่ยวชาญของผู้ใช้เอง แน่นอนว่าความรู้ทั้งหมดทั้งมวลบนโลกมนุษย์ ถูกถ่ายทอดมาจากแดนสวรรค์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
ดังนั้น คังหลินที่ใช้เวลากว่าห้าพันปี ศึกษาเคล็ดวิชาค่ายกลจากบนแดนสวรรค์โดยตรง ย่อมเหนือกว่าผู้อาวุโสหยางกงมาก ชนิดที่ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
เพียงแค่คังหลินใช้หินวิญญาณระดับสูงสามก้อน ก็สามารถแย่งสิทธิ์ในการควบคุมค่ายกลจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น
คังหลินก็สั่งให้ค่ายกลทำลายตัวเอง จนเกิดแรงระเบิดอัดกระแทกเข้าใส่คนที่อยู่ด้านในอย่างจัง ซึ่งมันก็คร่าชีวิตขันทีชุดดำไปทันที เนื่องจากเขาได้ใช้ตัวเองปกป้องพระชายาหลักเอาไว้
“ ไปทำเรื่อง ที่สมควรทำเถอะ ” คังหลินหันไปบอกฉินฟ่านเออร์ แล้วเดินไปหาผู้อาวุโสหยางกงด้วยแววตาเย็นชา
ตัวของพระชายาหลักแม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีกระดูกขาหักแทงทะลุเนื้อออกมาทั้งสองข้าง นอนสิ้นสภาพอยู่บนพื้นเลือดท่วมตัว
แรงระเบิดเมื่อครู่นี้เทียบเท่ากับการโจมตีของเซียนขั้นกลางเลยทีเดียว สำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงอย่างพระชายาหลักที่รอดมาได้ถือว่าโชคดีมาก
“ ขอบคุณนะ…หลังจบเรื่องนี้ สิ่งที่ฉันเคยให้คำสัตย์ไว้กับนายท่าน จะทำตามนั้นอย่างแน่นอน” ฉินฟ่านเออร์เต็มไปด้วยความสำนึกบุญคุณ ในทุกสิ่งทุกอย่างที่คังหลินทำให้กับเธอ
‘ หลังจากนี้ต่อไป…ทั้งชีวิตและวิญญาณของฉันจะเป็นของนายท่านเพียงผู้เดียว ’
คังหลินที่ได้ยินก็ยิ้มอ่อนออกมา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน
“ แกเป็นใครกันแน่…ไม่มีทางที่บุตรชายเจ้าเมืองเล็กๆ จะทำเรื่องแบบนี้ได้ ” ผู้อาวุโสหยางกงพูดขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด อาการบาดเจ็บของเขามีเพียงผิวเผินเท่านั้น เนื่องจากก่อนที่ค่ายกลจะระเบิด เขาก็ชิงหลบหนีออกมาก่อนใครเพื่อน
“ ฉันเหรอ…ฉันก็เป็นปู่ของแกไง! ” คังหลินวาดมือกลางอากาศอย่างรวดเร็ว หินวิญญาณระดับสูงห้าก้อนที่เขาแอบขว้างออกไปก่อนหน้านี้ ก็เปล่งแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา
“ ค่ายกลผนึกเจ็ดดารา! ”
บูมมม!
ม่านแสงโปร่งใสปกคลุมอาณาเขตสิบเมตรรอบคังหลินกับผู้อาวุโสหยางกงเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์เจ็ดดาวเหนือ
ครืนนนน
ตูมมม!
ความกดดันมหาศาลระเบิดลงมาจากฟ้า ทุกคนที่อยู่ในค่ายกลต่างก็ได้รับผลกระทบไปตามกัน แม้จะไม่ถึงขั้นขยับตัวไม่ได้ แต่ก็ทำให้เซียนอย่างผู้อาวุโสหยางกงหมดสิทธิ์บินหลบหนีในทันที
จากนั้นแสงสว่างก็เปล่งออกมาจากแผ่นหยกที่อยู่ข้างเอวคังหลิน ทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกล และสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
“ วาดค่ายกลกลางอากาศ…นี่มันเป็นไปไม่ได้ ปรมาจารย์ชั้นต่ำแบบแกจะใช้เทคนิคในตำนานนี้ได้ยังไง” ผู้อาวุโสหยางกงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว เขาลืมแม้กระทั่งการหลบหนี ความคิดในสมองหมกมุ่นอยู่กับเทคนิคที่คังหลินเพิ่งใช้ไป
“ หลานโง่เอ๋ย…วันนี้ปู่จะแสดงให้เห็นเอง ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่แกยังไม่รู้ ” คังหลินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ฟุ่บ!
ร่างของคังหลินปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกฝ่ายในพริบตา พัดในมือเขาแทงออกไปดุจกระบี่
เปรี้ยง!
ผู้อาวุโสหยางกงหยิบไม้พลองออกมารับไว้อย่างทุลักทุเล ถึงแม้เขาจะไม่ถนัดด้านการต่อสู้ แต่ด้วยขอบเขตฝึกตนที่สูงกว่า ทำให้สามารถตอบโต้ได้ทัน
เปรี้ยงง!ๆๆๆ ฉัวะ!ๆๆๆๆ
เงาร่างทั้งสองฝ่ายสลับสับเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว เริ่มมีบาดแผลเกิดขึ้นบนตัวของผู้อาวุโสหยางกงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งประสบการณ์และกระบวนท่าของคังหลินเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก ทำให้กุมความได้เปรียบทุกอย่าง
ติดอยู่เพียงเรื่องเดียว คือเขาไม่สามารถทำลายพลังคุ้มกายของฝ่ายตรงข้ามได้ เนื่องจากขอบเขตที่ต่างกันเกินไป
ห้านาทีผ่านไป
เปรี้ยง! ๆๆ พลั่ก!ๆ
“ เดี๋ยวก่อน…หยุดก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูด ” ผู้อาวุโสหยางกงตะโกนออกมาเสียงดัง ตอนนี้ศีรษะของเขาบวมปูด เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำมากมาย
‘ บัดซบ…ไอ้ชาติชั่วนี่มันคงเห็นว่าทำลายพลังคุ้มกายของฉันไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป็นเล่นงานจุดอ่อนตรงใบหน้าของฉันแทน ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก ’
“ ฉันให้แกสิบวินาที รีบพูดมา! ” คังหลินพูดเสียงเย็นชา แต่ความจริงแล้วเขาก็อยากพักเช่นกัน การต่อสู้กับอีกฝ่ายมองภายนอกเหมือนเขาได้เปรียบ
แต่แท้จริงแล้วเขาต้องสิ้นเปลืองทั้งพลังและสมาธิเป็นอย่างมาก หากพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว ถูกไม้พลองของอีกฝ่ายฟาดใส่ อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน