สงครามปราบกบฏครั้งนี้ จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของราชสำนัก เพียงแค่เริ่มต้นได้ไม่ถึงสี่สิบนาที เสียงสัญญาณถอยทัพของทัพใหญ่ทั้งสี่ก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ
นี่ถือเป็นสงครามที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นต้าฉินขึ้นมา…
ส่วนผู้ที่มีความดีความชอบสูงสุด ไม่มีใครเกินผู้อาวุโสฉินหวงแห่งเมืองเหล็กดำ ที่สามารถบุกเดี่ยวฝ่ากองทัพนับแสนเข้าไปสังหารแม่ทัพใหญ่ทิศประจิมและจับกุมตัวแม่ทัพใหญ่อีกสามคนที่เหลือเอาไว้
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากทรัพยากรสงครามที่ใช้ไปแล้ว ก็มีผู้เสียชีวิตเพียงพันกว่าคนเท่านั้น ทำให้กองทัพหลักของแคว้นต้าฉินไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ห้องประชุมใหญ่จวนเจ้าเมืองเหล็กดำ
ฉินกวงลี่และบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลฉินกำลังทำข้อตกลงกับสามแม่ทัพใหญ่ เพื่อจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงคราม
“ ฉันรู้ดีว่าสงครามในครั้งนี้ พวกคุณทั้งสามคนเพียงทำตามหน้าที่ อีกทั้งเมืองของพวกเราก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร ดังนั้นก็จะไม่สร้างความลำบากใจให้พวกคุณก็แล้วกัน ” ฉินกวงลี่พูดขึ้นอย่างใจกว้าง
“ ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่เข้าใจ…แต่หากมีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราก็ขอให้บอกมาได้เลย ” แม่ทัพทิศบูรพารีบเสนอตัวทันที
หากเป็นสมัยก่อนตำแหน่งเจ้าเมืองเล็กๆแบบนี้เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แต่หลังจากขั้วอำนาจของพระชายาหลักถูกอีกฝ่ายโค่นล้มไป
สถานะของเจ้าเมืองเหล็กดำก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกคนต่างรู้เรื่องการหมั้นหมายระหว่างฉินหนานกับองค์หญิงฉินฟ่านเออร์ดี
ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ต่อไปจะเป็นองค์ชายน้อยหรือฉินหนาน เจ้าเมืองเหล็กดำคนนี้ก็จะกลายเป็นพระญาติอาวุโสทันที ดีไม่ดีตระกูลฉินแห่งเมืองเหล็กดำอาจจะกลายเป็นตระกูลราชวงศ์เลยก็ได้
เนื่องจากเหล่าองค์ชายและองค์หญิง ที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับพระชายาหลักถูกกำจัดไปหมดแล้ว ทำให้ในราชวงศ์ตอนนี้เหลือเพียงพระชายารองและพวกขององค์หญิงฉินฟ่านเออร์สองพี่น้องเท่านั้น
“ เอ่อ…ฉันขอถามอะไรที่เสียมารยาทสักเล็กน้อย ทำไมผู้อาวุโสฉินหวงถึงไม่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้หรือ ” แม่ทัพทิศทักษิณถามขึ้นด้วยความกังวล ทำให้แม่ทัพอีกสองคนที่เหลือหันมาให้ความสนใจ
ตอนนี้ตัวตนของจ้าวเทียนในกองทัพเปรียบเสมือนเทพสงคราม ทุกคนต่างอยากใกล้ชิดและทำความสนิทสนมกับเขา เพื่ออนาคตของตนเองกันทั้งนั้น
“ อ๋อ…ถ้าเป็นเรื่องนี้ ผู้อาวุโสฉินหวงได้พาลูกชายของฉันกับพวกองค์หญิงไปที่เมืองหลวงแล้ว ถึงแม้ตัวการหลักจะถูกกำจัด แต่ก็ยังมีพวกปลาซิวปลาสร้อยคอยก่อความวุ่นวายอยู่ ”
“ ดังนั้นพวกเราจึงคิดเห็นตรงกันว่า…สมควรทำความสะอาดให้หมดจดในทีเดียว จะได้ไม่มีใครคิดก่อปัญหาขึ้นภายหลัง ” ฉินกวงลี่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
!!
“ เรื่องนี้… ” สามแม่ทัพหันมามองหน้ากันเองด้วยความหนักใจ องค์ชายใหญ่นั้นกุมอำนาจมานาน เกือบแปดส่วนของราชวงศ์และพวกขุนนางต่างอยู่ฝ่ายขององค์ชายใหญ่ทั้งนั้น
หากจ้าวเทียนคิดจะเก็บกวาดจนสิ้นซากจริงๆ เห็นทีทั้งคนรู้จักและมิตรสหายของพวกเขาคงถูกกวาดล้างจนหมดแน่
แต่ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้ แม้แต่ทัพใหญ่สี่แสนยังพ่ายแพ้ แล้วยังจะมีสิทธิ์อะไรไปขัดขวางอีกฝ่าย
หรือราชวงศ์ฉินที่ปกครองแคว้นมานานหลายพันปี จะต้องล่มสลายลงในยุคสมัยของพวกเขางั้นเหรอ
เฮ้ออ…
เมื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของสามแม่ทัพใหญ่ ฉินกวงลี่ก็ถอนหายใจออกมา เขาหยิบเอกสารปึกหนึ่งส่งให้พวกแม่ทัพตรวจสอบดู
“ นี่คือรายงานความผิด ที่พวกองค์ชายใหญ่ก่อขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมา พวกคุณลองดูเองเถอะ สำหรับพวกเศษสวะที่ดีแต่ทำเรื่องชั่วแบบนี้ เก็บเอาไว้ก็มีแต่จะบ่อนทำลายแคว้นของพวกเราเสียมากกว่า ”
“ การไปเมืองหลวงของผู้อาวุโสฉินหวงในครั้งนี้ นอกจากจะจัดการเรื่ององค์ฮ่องเต้แล้ว ก็มีเป้าหมายคือการกำจัดพวกที่มีรายชื่ออยู่ในรายงานชุดนี้ทั้งหมด ”
หากจะขึ้นปกครองแคว้นต้าฉินต่อจากนี้ ความร่วมมือของแม่ทัพใหญ่ทั้งสามเป็นสิ่งจำเป็น ฉินกวงลี่จึงต้องการให้พวกเขาเกิดความจงรักภักดีด้วยใจจริง มากกว่าใช้วิธีการบังคับข่มเหง
หลังจากผ่านไปสามสิบนาที เมื่อเอกสารชุดนั้นได้ถูกอ่านจนหมด แม่ทัพใหญ่ทั้งสามก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีก
เพราะสามแม่ทัพใหญ่เพิ่งจะรู้ว่า แม้แต่คนใกล้ชิดของพวกเขาเองก็เคยตกเป็นเหยื่อของการกระทำอันชั่วร้ายของพวกองค์ชายใหญ่เช่นกัน
“ ตอนนี้คงได้เวลาแล้ว…พวกเรามาพูดถึงเรื่องสำคัญกันดีกว่า สำหรับเรื่องตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ทิศประจิมที่ว่างลง พวกคุณคิดเห็นกันเช่นไรบ้าง ” ฉินกวงลี่และบรรดาผู้อาวุโสตระกูลฉิน มองไปทางสามแม่ทัพใหญ่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกเฒ่า
‘ ในที่สุด ก็เข้าประเด็นนี้แล้วสินะ ’
สามแม่ทัพใหญ่ก็จ้องมองกลับไปด้วยแววตาเฉียบคม พวกเขาก็ต้องการส่งคนของตนเองเข้าไปนั่งในตำแหน่งนี้เช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน