โลกภายนอก ศูนย์วิจัยลับทะเลสาบมรกต
นักวิทยาศาสตร์หลายสิบชีวิตกำลังวิ่งวุ่นกันอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำกันมาหลายวันแล้ว หากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณมหาศาลในทะเลสาบมรกตและโอสถฟื้นฟูชั้นยอด คงมีหลายคนอ่อนล้าจนลุกไม่ขึ้นไปแล้ว
หลังจากเก็บกวาดกองทัพของเทพมารโลหิตไป ทั้งยังจัดการร่างแยกของเทพมารด้วย ทำให้กองกำลังของจ้าวเทียนได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากศาสนจักรแห่งแสง
นอกจากพวกเขาจะปลดหนี้ได้แล้ว ยังมีเงินและทรัพยากรจำนวนมากพอในการผลิตปืนลำแสง S2 และชุดรบล่องหนได้อีกด้วย
จากการคาดการณ์ ก่อนที่ประตูมิติของโลกใบเล็กจะเปิด พวกเขาจะมีปืนลำแสง S2 และชุดรบล่องหนอย่างละห้าสิบชุดเลยทีเดียว
“พัฒนาการของมนุษย์แบบเธอนี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ…ใช้เวลาแค่ไม่กี่ร้อยปี กลับเปลี่ยนรูปแบบของสงครามทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ”
“ อาวุธแบบนี้ หากยังถูกพัฒนาต่อไป…ในอนาคตข้างหน้า คงสามารถทำสงครามกับเทพบนแดนสวรรค์ได้เลย ” เทพธิดาซวนเฉวียนพูดขึ้นอย่างชื่นชม ตอนนี้เธออยู่ในร่างเทพธิดาตัวจิ๋ว มีเพียงลี่เหยาเหยาเท่านั้นที่มองเห็นและได้ยินเสียงของเธอ
“ นั่นเพราะมนุษย์ปกตินั้นอ่อนแอและมีอายุขัยที่สั้นมาก…พวกเขาจึงใช้เวลาทุกวินาทีอย่างเต็มที่ ค้นหาทุกความเป็นไปได้ เพื่อทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง ”
“ แตกต่างกับผู้ฝึกตน…ที่เก็บตัวฝึกฝนหนึ่งครั้งก็กินเวลายาวนานหลายสิบปี ทำให้มีแนวคิดและหลักการใช้ชีวิตแตกต่างจากมนุษย์ปกติ ” ลี่เหยาเหยาสื่อสารกับอีกฝ่ายทางความคิด แต่แววตาของเธอดูเหม่อลอยเล็กน้อย
“ เธอกำลังคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อวานอยู่ใช่ไหม ไม่ต้องกังวลหรอก จ้าวเทียนไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเขาต้องการจะซ่อนตัวจริงๆ ศัตรูไม่มีทางหาเจอหรอก ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดปลอบเบาๆ
“ หากลำพังเพียงตัวเขาคนเดียวน่ะนะ…แต่เธออย่าลืมว่ายังมีผู้คนมากมายที่เกี่ยวพันกับเขาอยู่เช่นสำนักคุนหลุน หากศัตรูเปลี่ยนมาเล่นงานคนพวกนี้ ด้วยนิสัยของเขาไม่มีทางที่จะยอมนิ่งเฉยแน่นอน ” ลี่เหยาเหยาพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อวานนี้ร่างต้นของศิษย์พี่รอง ได้ติดต่อมายังโลกมนุษย์ผ่านทางท่านอาจารย์ เพื่อบอกปัญหาทุกอย่างและสถานการณ์ที่พวกจ้าวเทียนกำลังเผชิญ
พร้อมทั้งนัดแนะแผนการ ให้พวกเธอเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงในตอนที่ประตูมิติเปิด
“ จะว่าไป…ฉันเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่าพวกเราจะกลายเป็นมือที่สาม ในการต่อสู้ระหว่างตำหนักเทวะกับศัตรูเก่าที่มาจากแดนสวรรค์ ”
“ ซึ่งหากเทียบกับกองกำลังของสองฝ่ายแล้ว…พวกเรานับว่าอ่อนด้อยที่สุด คงได้แต่ฝากความหวังไว้กับอาวุธใหม่ของพวกเราเท่านั้น ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด
ในระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโทนี่ ก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ คุณลี่เหยาเหยา…ตัวอย่างทดลองพร้อมแล้ว ขอเชิญทางด้านนี้หน่อยครับ ”
ลี่เหยาเหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปทันที ตอนนี้พวกเขากำลังทำการวิจัยหลอมรวมเทคโนโลยีเข้ากับอาวุธเวทย์โบราณ
ซึ่งความรู้ของเทพธิดาซวนเฉวียนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก…
ในเวลาเดียวกัน
จ้าวเทียนที่กำลังเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆตามชายป่า ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของสำนักสุสานโบราณ เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที
เนื่องจากมีปรมาจารย์หลายคนแฝงตัวอยู่ในหมู่ชาวบ้าน คอยตรวจตราคนแปลกหน้าอย่างละเอียด ทั้งยังวางกองกำลังไว้คอยแอบซุ่มโจมตีอีกด้วย
‘ นี่คงเป็นมาตรการป้องกันของสํานักสราญรมย์…เพื่อไม่ให้มีใครมายุ่งกับเป้าหมายที่พวกตนเล็งไว้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่สำนักสุสานโบราณขอความช่วยเหลือจากสำนักอื่นๆแล้ว’
แน่นอนว่าอุปสรรคเพียงเท่านี้ ไม่เป็นปัญหากับจ้าวเทียนแม้แต่น้อย เขาสามารถอำพรางร่องรอยและผ่านพวกหน่วยสอดแนมไปได้อย่างง่ายดาย
จนกระทั่ง
!!
‘ มีคนกำลังต่อสู้กัน ทางด้านหน้า ’
นอกจากจะได้ยินเสียงแล้ว จ้าวเทียนยังพบซากศพมากมายนอนเกลื่นกลาดอยู่ระหว่างทาง แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างทั้งสองฝ่าย
และที่สำคัญที่สุด ซากศพบางส่วนยังสวมเครื่องแบบของสำนักหัวซานอีกด้วย
‘ นี่คงเป็นกำลังเสริม ที่สำนักหัวซานส่งมาช่วยเหลือสำนักสุสานโบราณ แต่คงถูกฝ่ายศัตรูตรวจพบก่อน เลยถูกซุ่มโจมตีแบบนี้ ’
‘ แม้จะอยากไปช่วยพวกเขา…แต่ตอนนี้ตัวตนของฉันในฐานะฉินหวงมันเด่นสะดุดตาเกินไป อาจจะดึงดูดปัญหาใหญ่ตามมาได้ ’
เนื่องจากวีรกรรมของจ้าวเทียนในสงครามครั้งก่อน ทำให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มกำลังจับตามองเขาอยู่ หากเดินหมากพลาดเพียงตาเดียว อาจจะนำหายนะมาสู่ตระกูลฉินได้เลย
‘ ช่วยไม่ได้…งั้นใช้วิธีนี้ก็แล้วกัน ’
จ้าวเทียนเลือกศพของผู้อาวุโสระดับเซียนของสำนักหัวซาน แล้วสับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายกัน จากนั้นเขาก็ถอดหน้ากากออก ใช้เคล็ดวิชาปลอมแปลงโฉมหน้าของตนเองให้แตกต่างไปจากเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน