ตอนนี้ด้านหน้าของหยางถิงเฟิง ได้ถูกคลื่นรังสีดาบนับไม่ถ้วน ซัดกระหน่ำเข้าใส่ตัวเขา ซึ่งแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดและดุดันของวิชาดาบมาร
ทันใดนั้นเอง
ทางด้านซ้ายและขวาของเขา ก็มีอาวุธลับสังหารหลายสิบอันพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรง คนของสำนักสราญรมย์ได้ลอบโจมตีมาอย่างชั่วร้าย พวกมันรวดเร็วยิ่งกว่ารังสีดาบมากนัก พริบตาเดียวก็มาถึงตัวแล้ว
“ ไอ้พวกบัดซบ ” หยางถิงเฟิงสบถออกมาอย่างเดือดดาล
“ ลมคลั่งฝนกระหน่ำ! ”
กระบี่ในมือทั้งสองข้างของเขาฟาดฟันไปรอบด้านอย่างถี่ยิบ จนมองเห็นเป็นภาพติดตาจำนวนมาก รังสีกระบี่หลายสิบสายระเบิดเข้าใส่อาณาเขตรอบตัวอย่างรุนแรง ป้องกันการโจมตีทุกอย่างเอาไว้
เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆ
แม้หยางถิงเฟิงจะป้องกันเอาไว้ได้ แต่ก็ถูกผลักดันจนถอยหลังไปเรื่อยๆ เป็นอย่างที่ซินเจี่ยงพูดไว้ ว่าตัวของซินเจี่ยงนั้นเหนือกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าจริงๆ ยิ่งเมื่อรวมกับเซียนขั้นกลางของสำนักสราญรมย์ที่ประสานอยู่รอบนอก
ทำให้หยางถิงเฟิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด…
“ ไอ้พวกสุนัขลอบกัด ตายซะ! ”
หยางถิงเฟิงตะโกนออกมาเสียงดัง แล้วใช้กระบี่ในมือขวาต้านทานการโจมตีเอาไว้ ส่วนมือซ้ายแทงกลับหลังไป โดยไม่ได้หันกลับไปมอง
นี่เป็นแผนการของเขาเอง ที่แกล้งถอยหลังขยับเข้าใกล้ศัตรูที่ลอบโจมตี โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ รุ้งขาวทะลวงตะวัน ”
ฉัวะๆๆๆๆ
หยางถิงเฟิงแทงกระบี่ออกไปในแง่มุมที่พิสดาร จากนั้นรังสีกระบี่เจ็ดสายก็ระเบิดเข้าใส่ผู้ลอบโจมตีอย่างรุนแรง จนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บกระเด็นออกไป
เปรี้ยงง!ๆๆๆ อ้ากกก!
แต่ในตอนที่หยางถิงเฟยจะโจมตีซ้ำให้อีกฝ่ายตายสนิท ถังลู่ซิงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ก็พุ่งเข้ามาช่วย
“ วิชาเท้าท่องคลื่น ”
ร่างของถังลู่ซิงแยกจากหนึ่งเป็นสอง ทั้งช่วยศิษย์ร่วมสำนักและยังโจมตีเข้าใส่ช่องโหว่ของหยางถิงเฟิงพร้อมกัน
ฟิ้ววว!
หยางถิงเฟิงเบี่ยงตัวหลบดรรชนีของถังลู่ซิงอย่างฉิวเฉียด คลื่นพลังอันแหลมคมพุ่งผ่านแก้มซ้ายของเขาไป จนเกิดเป็นบาดแผลเล็กๆสายหนึ่ง
“ ไร้ยางอาย! ”
“ ไหนว่า จะสู้กันตัวต่อตัวไง ”
พวกสำนักหัวซานตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล และพยายามจะเข้าไปช่วยหยางถิงเฟิง แต่ก็ถูกศัตรูคนอื่นเข้าสกัดกั้นไว้
พวกเขาจึงทำได้เพียงมองดูศิษย์พี่ใหญ่ของตน ถูกรุมล้อมไปด้วยยอดฝีมือของฝ่ายตรงข้าม
การต่อสู้ได้ทวีความดุเดือดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างฟาดฟันอาวุธเข้าใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง เสียงสาปแช่งและตะโกนด่าทอกัน ดังสนั่นไปทั่ว
จนไม่ได้สังเกตเลยว่า เซียนขั้นกลางที่ถูกถังลู่ซิงช่วยเอาไว้ ได้นอนทอดร่างกลายเป็นศพอยู่บนพื้นแล้ว
หัวใจของชายคนนั้น ได้ถูกเจตจำนงกระบี่ของจ้าวเทียนทำลายจนแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี และเป็นเช่นเดียวกับเซียนขั้นกลางที่คอยลอบโจมตีหยางถิงเฟิงอีกคน
ศีรษะของชายคนนั้นกระเด็นขึ้นไปฟ้า ก่อนที่ร่างของเขาจะเอนล้มลงไป โดยไม่ได้ส่งเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว
“ เดี๋ยวก่อน…นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมคนของเราบาดเจ็บล้มตายไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ ” เซียนสำนักสราญรมย์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนที่คมกระบี่เล่มหนึ่งจะแทงทะลุลำคอของเขาออกมาอย่างไร้ปราณี
ฉัวะ!
“ อั่ก!...นี่มัน ” ก่อนที่ชายคนนั้นจะสิ้นใจก็ได้หันไปมองเบื้องหลังอย่างช้าๆ แล้วก็ได้พบกับแววตาเย็นชาคู่หนึ่ง
“ ไม่ต้องห่วง…ฉันจะส่งพวกสหายของแกตามไปในไม่ช้า ” จ้าวเทียนทิ้งคำพูดไว้ ก่อนจะหายไปในฝูงคนอีกครั้ง
ไม่ว่าศัตรูคนไหนก็ตามที่เริ่มรู้ตัว ก็จะถูกจ้าวเทียนสังหารไปอย่างรวดเร็ว จนไม่มีโอกาสร้องเตือนคนอื่น
“ อ้ากกก…นี่มัน! ”
“ เฮือก! แกเป็นใคร ”
เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำหลายครั้งเข้า ต่อให้พวกศัตรูจะโง่แค่ไหน ก็ต้องรู้สึกตัวขึ้นมาแน่นอน แต่ทว่ามันก็ได้สายไปแล้ว เพราะตอนนี้จำนวนของทั้งสองฝ่ายแทบจะไม่แตกต่างอีกต่อไป
ในขณะที่พวกสำนักหัวซานยังมีสามสิบห้าคนเท่าเดิม แต่กองกำลังผสมระหว่างสำนักสราญรมย์กับพรรคดาบมารกลับต้องสูญเสีย ยอดฝีมือระดับเซียนไปถึงสิบห้าคนในเวลาสั้นๆ
ทำให้ตอนนี้พวกกองกำลังผสมเหลือเซียนเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น โดยที่ยังหาตัวผู้ลงมือไม่ได้เลย ทำให้แววตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่อาจเก็บซ่อนได้
“ พวกเราได้เปรียบแล้ว รีบบุกเข้าไปสังหารพวกมันให้หมด ”
ผู้อาวุโสสำนักหัวซานตะโกนขึ้นเสียงดัง ปลุกขวัญกำลังใจให้ฝ่ายตนในทันที ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวคิดเล็กคิดน้อย ว่าใครเป็นคนยื่นมือช่วยพวกเขา
แต่มันเป็นเวลา ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ต่างหาก
ห่างออกไปไม่ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน