ภายในห้องหินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของสำนักสุสานโบราณ ตอนนี้ได้ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่จ้าวเทียนได้ฟื้นคืนสติ
การฉีกมิติออกมาจากโลกของจิตวิญญาณในเศษอาวุธเทพเจ้า ไม่ได้สร้างความลำบากให้จ้าวเทียนมากนัก แต่การจะฝืนเข้าไปในสถานที่ที่กงเสี่ยวเหมยอยู่ กลับเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะทำได้
เพราะนั้นคือโลกภายในจิตใจของเทพโลกาขั้นกลาง ด้วยระดับพลังเซียนขั้นสูงสุดอย่างจ้าวเทียน
อย่าว่าแต่จะบุกทะลวงเข้าไปโลกภายในจิตใจเลย แค่สนามพลังภายนอกที่ปกคลุมของร่างหญิงสาวอยู่นั้น เขาก็ฝ่าเข้าไปไม่ได้แล้ว
‘ ดูเหมือน มหาเทพจูเซียนจะไม่อยากให้ฉันเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ ’
เพราะดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย จ้าวเทียนจึงไม่ค่อยเป็นกังวลมากนัก เขาบอกให้หยางถิงเฟิงกลับออกไปก่อน แล้วยืนรออยู่กับกงม่านเออร์เพียงสองคน
“ เอ่อ…สหายเซียนพอจะบอกได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ คุณได้พบกับจิตวิญญาณของท่านบรรพชนสำนักของฉันมาแล้วใช่ไหม ” กงม่านเออร์ตัดสินใจถามออกมาในที่สุด เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแค่เธอกับจ้าวเทียนเท่านั้น
“ ฉันบอกคุณได้เพียงแค่อย่างเดียว…เมื่อถึงเวลาบรรพชนสำนักของคุณจะตื่นขึ้นมาเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยเหลือ ”
“ ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนั้น ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากฉันได้รับปากกับบรรพชนสำนักของคุณไว้แล้ว ” จ้าวเทียนตอบออกมาตามตรง
เรื่องบางอย่างหากรู้มากเกินไปก็จะมีแต่ผลเสีย สำนักสุสานโบราณอ่อนแอเกินกว่า ที่จะแบกรับความเป็นจริงอันโหดร้ายได้
“ งั้นเหรอ…ขอบคุณมาก แค่ได้รู้ว่าท่านบรรพชนจะตื่นขึ้นมาเอง ฉันก็พอแล้ว ” กงม่านเออร์ตอบอย่างเข้าใจสถานการณ์ และไม่ดึงดันที่จะอยากรู้อีกต่อไป
เธอเปลี่ยนเป็นพูดคุยกับจ้าวเทียนเรื่องกงเสี่ยวเหมยแทน ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่จ้าวเทียนจะตัดสินบอกจุดประสงค์ของเขาออกมา
“ ถ้าหาก…ฉันอยากจะรับกงเสี่ยวเหมยไปอยู่ด้วยซักระยะหนึ่ง คุณจะขัดข้องไหม แต่ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ทำเรื่องอะไรให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน ”
กงม่านเออร์มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมองมาทางจ้าวเทียนเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ ช่วยตอบฉันมาตามตรง…คุณคือจ้าวเทียนใช่ไหม ”
!!
“ หืม…ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น ” จ้าวเทียนถามกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงพิรุธอะไรออกมา
เมื่อเห็นจ้าวเทียนแสดงท่าทีแบบนั้น กงม่านเออร์ก็พูดต่อด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจกว่าเดิม
“ ในช่วงแรกที่กงเสี่ยวเหมยเพิ่งมาถึงสำนัก ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลของเธอแล้ว และก็เป็นตัวเธอเองที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับชายที่ชื่อว่าจ้าวเทียนให้ฉันฟัง เพื่อให้ฉันสัญญาว่าจะส่งเธอกลับไปโลกภายนอกตอนที่ประตูมิติเปิด ”
“ ซึ่งฉันก็ได้รับปากเธอไปแล้ว…เพราะสำนักของฉันยังคงต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลจีน และพวกเราก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับผู้สืบทอดของต้วนมู่เฉียนเพราะศิษย์เพียงคนเดียว ”
“ ดังนั้น เมื่อฉันได้รู้ข่าวว่า ชายที่ชื่อจ้าวเทียนได้บุกเข้ามาในโลกแห่งนี้แล้ว ฉันก็พยายามหาช่องทางติดต่อกับเขามาตลอด แต่น่าเสียดายที่ร่องรอยของเขานั้นลึกลับจนเกินไป ทำให้ไม่อาจพบตัวได้ ”
“ จนกระทั่ง ยอดฝีมือลึกลับอย่างคุณได้ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ มันก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจขึ้นมา เพราะในโลกหมิงหลงคงมีชายเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ ที่สามารถเอาชนะประมุขกวงฉีได้อย่างง่ายดาย และมีความสัมพันธ์กับกงเสี่ยวเหมยจนถึงขนาดยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอได้ ”
“ ก็คือ…จ้าวเทียน คุณนั่นเอง ”
เมื่อพูดจบ กงม่านเออร์ก็มองมาที่จ้าวเทียนด้วยรอยยิ้ม จนเขาต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย…เพราะตัวตนของฉัน อาจจะชักนำปัญหามาให้พวกคุณได้ ”
“ ไม่ต้องเป็นห่วง…ฉันเข้าใจดี อย่างที่บอกไปสำนักสุสานโบราณนั้นต้องการเป็นพันธมิตรกับคุณ พวกเราจะไม่สร้างปัญหาให้แน่นอน ” กงม่านเออร์พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงใจ
อันที่จริง เธอยังคาดเดาออกด้วยว่า ฉินหวงก็เป็นอีกตัวตนหนึ่งของจ้าวเทียนเช่นกัน แต่พูดออกไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังอาจจะทำให้อีกฝ่ายนึกระแวงเสียเปล่าๆ ดังนั้นแค่รู้อยู่ในใจก็พอ
สามสิบนาทีผ่านไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน