ณ จวนเจ้าเมืองตระกูลฉินเมืองเหล็กดำ
ผ่านไปสองวันแล้วนับตั้งแต่ที่จ้าวเทียนจากไป ทุกครั้งที่ครอบครัวรับประทานอาหารพร้อมกัน เหยียนซือหนิงมักจะเหม่อมอง ไปยังตำแหน่งที่นั่งของจ้าวเทียนด้วยความกังวล
แม้จะเพิ่งพบกันอีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ แต่สำหรับผู้เป็นแม่นั้น เมื่อรู้ว่าลูกชายออกไปต่อสู้เสี่ยงชีวิตที่ด้านนอกเพียงลำพัง ก็อดนึกเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะกลับมานะ…หนูเองก็อยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเหมือนกัน ” เหยียนเมิ่งฉีทำปากยู่บ่นออกมาอย่างน่ารักๆ
ทำให้เหยียนซือหนิงที่ดูอยู่อดหลุดยิ้มออกมาไม่ได้ การได้เห็นท่าทีแบบนี้ของลูกสาวทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้บ้างเล็กน้อย
“ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว พี่ใหญ่คงกลับมาไม่ทันแล้วล่ะ ไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวแม่จะลองให้ตระกูลฉินสืบหาข่าวคราวของเขาดู ” เหยียนซือหนิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คังหลินกับพี่สาวรองจะเปิดประตูเข้ามาเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอขออนุญาตก่อน
เพราะด้วยความสัมพันธ์ระหว่างคังหลินกับจ้าวเทียน ทำให้เหยียนซือหนิงมองเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง
“ สายลับของฉันรายงานมาว่า พวกจ้าวเทียนออกมาจากเขตอาคมเคลื่อนย้ายของเมืองเราแล้ว ไม่นานก็คงมาถึงที่จวน ” คังหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่าจ้าวเทียนต้องกลับมาหาเหยียนซือหนิงก่อน จึงมาดักรอพบที่นี่
“ จริงเหรอ…แล้วเขาปลอดภัยดีใช่ไหม ”
“ น้าซือหนิงไม่ต้องเป็นห่วง ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนในตอนนี้ หากไม่ใช่ระดับเจ้าสำนักใหญ่มาเอง คงสร้างความกดดันให้เขาไม่ได้หรอก ” คังหลินพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ ได้ยินแบบนี้ ฉันเองก็เบาใจ…จริงสิ แล้วคู่หมั้นของเธอล่ะ รู้สึกว่าฉันจะไม่เห็นเธอมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ” เหยียนซือหนิงถามกลับไปด้วยความสงสัย ทำให้พี่สาวรองที่ยืนอยู่ด้านข้างหลุดยิ้มออกมา
“ เอ่อ คือพวกเรามีความเห็นไม่ตรงกันบางอย่าง ก็เลย… ” คังหลินมีท่าทีอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะพูดออกไปดีหรือเปล่า
ปัญหามันเกิดมาจากพิธีอภิเษกสมรส ที่จะเกิดขึ้นอีกห้าวันข้างหน้า ในขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องเข้าห้องหอนั้น
คังหลินได้ขอให้ข้ามมันไปเลย เพราะอย่างไรซะก็เป็นการแต่งงานทางการเมืองอยู่แล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันก็ได้
แต่ทว่าฉินฟ่านเออร์นั้นกลับไม่ยอม ทั้งยังยกอ้างกฎมณเฑียรบาลขึ้นมา บอกว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีบุตรธิดาเพื่อสร้างราชวงศ์ใหม่ แทนที่ราชวงศ์เดิมที่ถูกสังหารไปในตอนแรก
เพราะทนการรบเร้าของเธอไม่ไหว คังหลินจึงออกคำสั่งด้วยพันธสัญญาทาสให้เธอห้ามพูดเรื่องนี้อีก
ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉินฟ่านเออร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอจึงประท้วงโดยการหลบหน้าและไม่ช่วยจัดการงานทุกอย่างแทนคังหลินเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เขายุ่งทั้งวันจนหัวหมุนไปหมด
อันที่จริง ที่คังหลินมารอพบจ้าวเทียนก็เพราะจะปรึกษาเรื่องนี้นี่แหละ…
ในขณะที่ทุกคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ เหยียนซือหนิงที่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องด้วยรอยยิ้ม
แอ้ดด!
ร่างของชายหนุ่มสวมหน้ากาก และหญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมหน้าได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
โดยเฉพาะพี่สาวรองของคังหลิน ที่ให้ความสนใจไปที่หญิงสาวคนนั้นเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นจุดประสงค์หลักที่เธอมาที่นี่
‘ ผู้หญิงคนนี้เธองดงามมากจริงๆ เหมือนนางฟ้าไม่มีผิด ถึงแม้จะปกปิดใบหน้าเอาไว้ ก็ไม่อาจเก็บซ่อนความมีเสน่ห์ของตัวเธอได้ ’
‘ แบบนี้…ฉันคงต้องถอดใจอย่างเดียวสินะ ’
พี่สาวรองถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ตัวเธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา จะไปสู้นางเซียนจากสำนักสุสานโบราณได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน