จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 314

เวลาแปดโมงเช้า เมืองหลวงแคว้นต้าฉิน

วันนี้ เป็นวันจัดพิธีอภิเษกสมรสและขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ เขตอาคมเคลื่อนย้ายทั้งสี่แห่งได้ทำงานขึ้นพร้อมกัน เพื่อรองรับแขกชุดสุดท้าย ซึ่งเป็นตัวแทนจากสมาพันธ์บู๊ลิ้มและสำนักเซียนที่อยู่ห่างไกล

โดยเฉพาะตรงเขตอาคมเคลื่อนย้ายทิศตะวันออก ได้มีแขกสูงศักดิ์มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า ทำให้ขุนนางระดับสูงของราชสำนักต้าฉินต้องรีบออกมารับหน้าด้วยตัวเอง

“ ถวายบังคม ฮ่องเต้ต้าหมิงและองค์หญิงจูม่านฉี ต้องขออภัยด้วยที่พวกกระหม่อมมาให้การต้อนรับล้าช้า ” มหาเสนาบดีแคว้นต้าฉินพูดขึ้นด้วยความนอบน้อม ด้านหลังของเขามีขุนนางระดับสูงตามมาอีกเป็นขบวน พร้อมด้วยองครักษ์นับพัน

เหตุที่พวกเขาต้องจัดพิธีกันอย่างเอิกเกริกแบบนี้ เนื่องมาจากได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้แค้วนต้าฉินกับองค์หญิงจูม่านฉีดี

ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันนับจากนี้ แคว้นต้าฉินกับแคว้นต้าหมิงอาจจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันก็ได้

“ ทุกท่านไม่ต้องมากพิธีไป…เป็นตัวเราเองที่มาโดยมิได้นัดหมายก่อน ” ฮ่องเต้แคว้นต้าหมิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ผายมือไปทางหลวงจีนรูปหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ เราขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก…ท่านนี้คือไต้ซือหมิงตี้ เป็นพระมหาสังฆราชของแคว้นเราเอง ”

!!

เมื่อได้ยินชื่อของหลวงจีนที่ติดตามมาด้วย ขุนนางแคว้นต้าฉินทุกคนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที โดยเฉพาะมหาเสนาบดีที่ได้รู้ความลับบางอย่างมา

เพราะนอกจากไต้ซือหมิงตี้จะเป็นพระมหาสังฆราชแคว้นต้าหมิงแล้ว ยังเป็นหลวงจีนอาวุโสสูงสุดของวัดเส้าหลิน ซึ่งมีอำนาจเป็นรองเพียงหลวงจีนคิ้วขาวผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเท่านั้น

แต่ด้วยสถานะของหลวงจีนคิ้วขาวซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเสาหลักของสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ทำให้ท่านไม่ค่อยมีเวลามาดูแลวัดเส้าหลินนัก ดังนั้นผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในวัดเส้าหลินก็คือไต้ซือหมิงตี้นี้เอง

ถึงแม้จะไม่เคยมีผู้ใดเห็นพลังที่แท้จริงของท่านมาก่อน แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคงไม่อ่อนด้อยไปกว่าระดับห้าผู้นำสมาพันธ์เท่าไหร่

หากให้ว่ากันตามตรง แขกที่สูงศักดิ์ที่สุดในวันนี้ ไม่ใช่ฮ่องเต้แคว้นต้าหมิงอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหลวงจีนท่านนี้ต่างหาก

“ น้อมคำนับ พระมหาสังฆราชหมิงตี้ ”

ขุนนางทุกคนรีบคุกเข่าทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาก้มลงต่ำยิ่งกว่าตอนที่พบกับฮ่องเต้แคว้นต้าหมิงเสียอีก

“ อามิตาพุทธ พวกประสกลุกขึ้นเถอะ” หลวงจีนหมิงตี้พูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งสงบ จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่กำลังติดตามขบวนรับเสด็จไป กวาดสายตามองออกไปรอบด้านอย่างช้าๆ

ดวงตาของท่านเปล่งแสงสีทองอันเลืองราง ปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณอั้นลึกล้ำเข้าปกคลุมเมืองหลวงทั้งหมดเอาไว้อย่างแนบเนียน

นี่คือเคล็ดวิชาแสงพุทธสาดส่อง ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ได้มีพลังเหนือกว่า ย่อมไม่อาจตรวจพบความผิดปกติได้

ด้วยขอบเขตพลังที่เทียบเท่ากับระดับยอดฝีมือแห่งยุค เพียงไม่กี่อึดใจท่านก็สามารถแยกแยะตัวตน และรับรู้ถึงระดับพลังของคนเกือบสิบล้านคนในเมืองหลวงอย่างชัดเจน

‘ หืม…เหตุใดถึงไม่พบคนพวกนั้นกัน หรือว่าข้อมูลที่อาตมาได้รับมาจะผิดพลาด ’

‘ ไม่สิ ยังมีอีกกรณีหนึ่ง คืออีกฝ่ายได้จากไปแล้วพร้อมกับบรรลุข้อตกลงกับฮ่องเต้แคว้นต้าฉิน’

‘ ไม่ได้การแล้ว…อาตมาต้องรีบสืบดูเรื่องนี้ให้แน่ชัด ’

แท้จริงแล้ว แผนการยุยงให้เกิดสงครามของทูตเทวะทั้งสี่ ได้รั่วไหลออกมาตั้งแต่แรก เนื่องจากฮ่องเต้แคว้นต้าหมิงกับวัดเส้าหลินนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกันมาตลอด ทั้งส่องฝ่ายต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

วัดเส้าหลินเอง ก็ไม่เคยกดขี่ราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นเหมือนกับอีกสี่สำนักใหญ่ที่เหลือ ทำให้แผนการกระตุ้นให้เกิดสงครามของทูตเทวะทั้งสี่ไร้ผลโดยสิ้นเชิง

ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้แคว้นต้าหมิงได้แกล้งรับข้อเสนอของพวกทูตเทวะ ก็รีบนำข้อมูลทั้งหมดไปบอกกับไต้ซือหมิงตี้ทันที แต่ที่ยังไม่ได้ประกาศออกไป ก็เพราะต้องการวางแผนจัดการกับศัตรูให้รัดกุมที่สุด

ความสงบนิ่งของสมาพันธ์บู๊ลิ้มในช่วงเวลานี้ เปรียบเสมือนภูเขาไฟที่กำลังรอวันปะทุออกมา เผาผลาญทำลายล้างศัตรูทั้งหมดในคราวเดียว

ท่ามกลางบรรยากาศของงานเฉลิมฉลองในเมืองหลวง ประชาชนทุกคนต่างยินดีปรีดา ใช้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มให้การต้อนรับแขกต่างแคว้น ซึ่งจำนวนของผู้เข้าร่วมนั้นมากกว่าสมัยอดีตฮ่องเต้เกือบสองเท่า

สิ่งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ และอนาคตอันรุ่งเรืองของแคว้นต้าฉินในภายภาคหน้า ทำให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมต่างรู้สึกภาคภูมิใจ

ในเวลาเดียวกันที่เมืองเหล็กดำ

บริเวณที่ตั้งของของสุสานบรรพชนตระกูลฉินลึกลงไปสองพันเมตร มีแผ่นหินสีแดงที่กำลังถูกเผาไหม้จากเปลวเพลิง ลอยอยู่บนทะเลลาวาความร้อนสูง

หากสังเกตดูดีๆ จะพบว่าแผ่นหินสีแดงนั้นคืออณูธาตุไฟบริสุทธิ์ ที่ถูกพลังงานบางอย่างดึงดูดให้มารวมตัวกัน

ที่บนแผ่นหินมีชายคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ บนร่างมีเพียงเศษผ้าไม่กี่ชิ้นที่สวมใส่ เปิดเผยผิวกายกว่าครึ่งออกมา ท่ามกลางอุณหภูมิความร้อนสูงขนาดนี้ แม้แต่ชุดป้องกันเวทก็ยังไม่อาจซ่อมแซมตัวเองได้ทัน

เป็นเวลาเกือบสิบสองชั่วโมงแล้ว หลังจากที่จ้าวเทียนได้ใช้เมล็ดพันธุ์สุริยัน ดูดกลืนต้นกำเนิดพลังวิญญาณทั้งหมดเข้าไป

ในเวลานี้ ทั้งโลกภายในและเมล็ดพันธุ์ได้หลอมรวมกันเรียบร้อยแล้ว ทำให้ร่างแข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้าของจ้าวเทียนได้ฟื้นฟูขึ้นมาอยู่ในที่สภาพสมบูรณ์

ไม่สิ…มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเกือบสองเท่าเสียอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน