ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งวันก่อน ณ สุสานแห่งดวงดาวทิศบูรพา
สถานที่แห่งนี้อยู่ตรงชายขอบของจักรวาล ซึ่งเต็มไปด้วยเศษซากดวงดาวที่ตายแล้ว ในอดีตมันเคยเป็นสนามรบของเทพมารยุคบรรพกาล ในมหาสงครามเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน
การต่อสู้ในครั้งนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก อารยธรรมมากมายถูกลบหายไป ดาราจักรนับร้อยดับสูญ มิติเวลาพังทลายจนถึงขนาดที่ผ่านเวลามาเนิ่นนาน ก็ยังไม่อาจฟื้นฟูกลับมาเป็นอย่างเดิม
ในยุคปัจจุบัน สุสานแห่งดาวได้ถูกใช้เป็นสถานที่ต่อสู้เพื่อขจัดความขัดแย้งของตัวตนระดับสูงในเอกภพ เพราะสามารถต่อสู้ได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว
“ ศิษย์พี่ใหญ่ คุณกลับไปเถอะ ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจโดยพละการของฉันเอง โดยไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากท่านอาจารย์ มันจะทำให้คุณพลอยถูกลงโทษไปด้วยนะ ” คังหลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาพยายามห้ามอีกฝ่ายหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไร้ผล
“ ไม่ต้องพูดแล้ว คิดหรือว่าฉันจะปล่อยให้นายทำอะไรเสี่ยงๆตามลำพัง ” หลิวจงเสียนตอบออกมาด้วยท่าทีเฉยชา เขาสวมชุดเกราะสงครามสีดำดูน่าเกรงขาม เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงของสำนัก ซึ่งสืบทอดมานานหลายแสนปี ตั้งแต่ครั้งที่สำนักดาราสวรรค์ยังครองความยิ่งใหญ่
คังหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เป็นความผิดของเขาเองที่เล่าเรื่องทุกอย่างในโลกหมิงหลงให้หลิวจงเสียนฟัง
ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธมาก กับการกระทำอันไร้ยางอายของสำนักจตุเทวะ และต้องการเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย
ตอนนี้ ร่างที่แท้จริงของหลินซินเยว่กำลังหลับใหลอยู่ในเขตหวงห้ามของสำนัก ส่วนจิตวิญญาณของเธออยู่บนโลกมนุษย์ ทำให้ทั้งสองคนสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น
อันที่จริงพวกเขาก็ถูกผู้อาวุโสในสำนักพบตัวอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องจากตำแหน่งตัวแทนเจ้าสำนักของหลิวจงเสียน จึงไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไร
!!
“ มาแล้วงั้นรึ ”
สายตาของพวกเขาทั้งสองคนกวาดมองไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกัน
ครืนนน เพล้ง!
กำแพงมิติด้านหน้าพวกคังหลิน ถูกฉีกกระชากออกกลายเป็นช่องว่างสีดำขนาดใหญ่ จากนั้นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองก็ได้ก้าวออกมาช้าๆ พร้อมด้วยผู้ติดตามอีกเป็นจำนวนมาก
‘ ยี่สิบเจ็ดคน แถมยังเป็นเทพโลกาทั้งสิ้น ดูเหมือนพวกมันจะตีค่าฉันเอาไว้สูงมากเลยนะ ’
คังหลินจ้องมองศัตรูด้วยแววตาเย็นชา ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีเทพโลกาขั้นแปดถึงสองคน ส่วนที่เหลือก็เป็นเทพโลกาตั้งแต่ขั้นสองถึงขั้นหก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงยกกันมาทั้งสำนักแน่นอน
“ เหอะ…แค่เทพโลกาขั้นหกสองคนก็กล้ามาท้าทายสำนักจตุเทวะของฉันงั้นรึ ” ซือคงหยวนแค่นเสียงออกมาอย่างดูถูก ทีแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะขนกันมามากกว่านี้
“ แค่ฉันกับศิษย์พี่ก็พอแล้ว…เพราะเดิมทีเรื่องนี้มันก็เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างคุณกับฉัน ไม่นึกเลยว่าเทพโลกาขั้นแปดอย่างคุณจะหวาดกลัว ถึงขนาดระดมคนมามากมายขนาดนี้ ทำไมล่ะ ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเทพโลกาขั้นหกได้งั้นเหรอ ” คังหลินพูดย้อนกลับไปอย่างเจ็บแสบ ทำให้อีกฝ่ายเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ
“ ไร้สาระ! เป็นแค่รุ่นเยาว์ไม่รู้ความ กล้ามาปากดีต่อหน้าผู้อาวุโสได้อย่างไร ” ผู้อาวุโสจางพูดขัดขึ้นมาทันที พร้อมกับสะบัดฝ่ามือออกไป
“ หัตถ์เมฆาสวรรค์! ”
เพล้ง!
กำแพงมิติด้านหน้าคังหลินพังทลาย ภาพลวงตาของฝ่ามือขนาดยักษ์ระเบิดเข้าใส่เขาจากระยะประชิด โดยไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวได้ทัน
“ ไร้ยางอาย! ”
หลิวจงเสียนตวาดออกมาเสียงดัง พร้อมกับปรากฏตัวขวางการโจมตีเอาไว้ แล้วปล่อยหมัดตรงสวนกลับไปเต็มแรง นี่คือแก่นแท้แห่งหมัดขั้นสูง ที่หลอมรวมสรรพวิชาของสำนักดาราสวรรค์เอาไว้
เปรี้ยงงง! ตูมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นพลังทำลายล้างจากการปะทะกันของทั้งสองกวาดออกไปทั่ว ภาพลวงตาของฝ่ามือขนาดยักษ์ถูกทำลายในทันที
แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีขั้นพลังต่างกันถึงสองขอบเขต แต่ผู้อาวุโสจางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล แตกต่างกับหลิวจงเสียนที่เป็นสายต่อสู้ขนาดแท้ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจึงสูงกว่าอีกฝ่ายมาก
อีกทั้งตัวของหลิวจงเสียนยังได้หลอมรวมกับแก่นแท้เลือดมังกร ที่ท่านอาจารย์มอบให้ถึงหนึ่งร้อยหยด ทำให้ต้นกำเนิดพลังโลกภายในของเขาในตอนนี้ เหนือไปกว่าอดีตนับสิบเท่า ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีคนมากกว่านี้ก็ไม่กลัว
บูมมมม!
เงาหมัดของหลิวจงเสียนได้ดูดกลืนคลื่นพลังที่หลงเหลือจากการปะทะ แล้วขยายขนาดขึ้นจนเทียบเท่ากับดาวเคราะห์ ปล่อยความกดดันมหาศาลถาโถมเข้าใส่กลุ่มคนตรงหน้าทั้งหมด เหมือนต้องการบดขยี้พวกเขาให้เป็นจุล
เนื่องจากยังไม่มีฝ่ายไหนใช้ร่างทิพย์ออกมา ทำให้สภาพของพวกสำนักจตุเทวะในตอนนี้เหมือนกับกลุ่มมด ที่กำลังจะถูกอุกกาบาตขนาดยักษ์พุ่งชนไม่มีผิด
“ ไร้สาระ! ”
ฉัวะ! บูมมมมมม!
ซือคงหยวนชักกระบี่ฟันออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา นี่คือแก่นแท้แห่งกระบี่ขั้นสูงที่ถูกใช้โดยเทพโลกาขั้นแปด
ภาพลวงตาของกระบี่สีขาวได้ตัดเงาหมัดขนาดยักษ์ออกเป็นสองส่วน เกลียวคลื่นพลังที่กวาดออกไป ยังสลายผลกระทบจากการโจมตีออกไปจนหมดสิ้น
แต่ทว่า
สิ่งที่ถูกทำลายไปเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ส่วนการโจมตีที่แท้จริงนั้นเป็นอณูแสงขนาดเล็กสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวเป็นรูปหมัด
เปรี้ยงงงง!
มันได้กระแทกเข้าใส่คมกระบี่ของซือคงหยวนเต็มแรง ทำให้แขนของเขาสะบัดกลับไปด้านหลังอย่างไม่อาจควบคุมได้ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่ได้เห็น
‘ หืม นี่มัน…. ’
แววตาของซือคงหยวนสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงง่ามมือได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่เกิดบาดแผลฉีกขาดขึ้น แต่มันก็สร้างความตกตะลึงให้เขาเป็นอย่างมาก
ตัวตนระดับสูงเช่นซือคงหยวน แค่ลงมือหยั่งเชิงกันครั้งเดียว ก็สามารถคาดเดาถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามได้ ทำให้สัมผัสได้ว่าพลังของอีกฝ่ายนั้นทัดเทียมกับตน
‘ ไหนผู้อาวุโสจางบอกว่า อีกฝ่ายเป็นเพียงสำนักที่กำลังตกต่ำไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงบ่มเพาะสุดยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แบบนี้ออกมาได้ ’
‘ แม้แต่ลูกศิษย์ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วถ้าอาจารย์ของพวกมันลงมือเองล่ะ พวกเราไม่จบสิ้นกันหมดหรอกเหรอ ฉันไม่น่าหลงเชื่อคำยั่วยุจากคนอื่นเลย ’
แต่ในขณะที่ซือคงหยวนยังกำลังนึกหาวิธีแก้ปัญหาแบบอื่นอยู่ ผู้อาวุโสจางที่อับอายเพราะการเสียหน้าก็ได้ทำเรื่องที่โง่เขลาออกไป
“ จะรอให้มันโจมตีเข้ามาอีกหรือยังไง รีบสังหารพวกมันซะ ”
ประโยคนี้ของผู้อาวุโสจาง ได้ปลุกสติฝ่ายของตนที่ยังไม่หายตกใจให้ตื่นขึ้นมารับความจริงอีกครั้ง
“ จริงด้วย ต้องรีบสังหารมันซะ ”
“ พวกเรามีเยอะกว่า อย่าไปกลัว! ”
“ เราจะต้องแก้แค้นให้ศิษย์ในสำนักที่ตายไป ”
เสียงตะโกนปลุกใจดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขารู้ดีว่าหลิวจงเสียนแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าต้องรับการโจมตีของพวกตนทั้งหมด รวมไปถึงเจ้าสำนักและผู้อาวุโสจางซึ่งเป็นเทพโลกาขั้นแปดพร้อมกัน อีกฝ่ายไม่มีทางต้านทานได้แน่นอน
วูป! ครืนนน!ๆๆๆๆๆๆ
เทพโลกกาทั้งยี่สิบหกคนได้ปลดปล่อยร่างทิพย์ออกมาพร้อมกัน เงาร่างขนาดมหึมาที่ใหญ่โตกว่าดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปิดล้อมพวกหลิวจงเสียนเอาได้ตรงกลาง แล้วระดมการโจมตีเข้าใส่ทันที
เปรี้ยงง! ฉัวะ! ตูมมมมม!ๆๆๆๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน