การปรากฏกายของคราเคนอสูรกายปลาหมึกยักษ์ในตำนาน ไม่ได้สร้างความกดดันให้จ้าวเทียนมากนัก สิ่งที่เขาเป็นกังวลจริงๆนั้นคืออาการบาดเจ็บของต้วนมู่เฉียนมากกว่า
“ เฉินจิ้ง! ถ่วงเวลาเอาไว้ ”
จ้าวเทียนตะโกนออกไปเสียงดัง พร้อมกับพยายามสะกดเปลวเพลิงสีดำอันชั่วร้ายที่กำลังเผาไหม้ดวงวิญญาณของต้วนมู่เฉียนไปด้วย
“ ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ” เฉินจิ้งกระโดดขึ้นไปบนฟ้า เปลี่ยนร่างเป็นมังกรมารอเวจีขนาดมหึมายาวนับหมื่นเมตร เข้าต่อสู้กับปลามึกยักษ์คราเคนอย่างดุเดือด
“ เพลิงนรกอเวจี! ”
ก๊าซซ!
บูมมมมมม!
เฉินจิ้งอ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีดำระเบิดใส่ศัตรูในระยะเผาขน เปลี่ยนผืนน้ำให้กลายเป็นทะเลเพลิง ความร้อนแรงของมันทำให้น้ำทะเลเดือดพล่าน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในอาณาเขตถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน
“ แกเองก็เป็นผู้ที่ถูกเลือกสินะ…ดีมาก ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหา ” คราเคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หนวดทั้งแปดของมันยืดขยายออกและพยายามรัดพันเฉิ้นจิ้งเอาไว้ทุกทิศทาง
ศึกสงครามระหว่างสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ทั้งสองตัว ทำให้เกิดคลื่นสึนามิสูงหลายสิบเมตรซัดกระจายออกไปโดยรอบ หากไม่ใช่เพราะมีเขตแดนวารีศักดิ์สิทธิ์ของเทพมังกรอ๋าวเฟิงป้องกันไว้อยู่ เกาะทั้งเกาะคงถูกจมลงไปในมหาสมุทรแล้ว
“ ปิงหยู ฉันฝากรักษาผู้อาวุโสด้วยนะ ” จ้าวเทียนส่งร่างของต้วนมู่เฉียนให้กับคนอื่นๆที่ตามมาสมทบ สายตาของเขากวาดมองไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
‘ สาม…ไม่สิ ผู้มีพลังระดับเอสสี่คนกำลังมุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ’
มาถึงตอนนี้ เขาเองก็รู้แล้วว่าศัตรูก็คือมหาอำนาจหลายฝ่ายของโลกใบนี้ พวกมันแอบร่วมมือกันเพื่อสังหารต้วนมู่เฉียนให้จงได้
“ นี่คือคำสาปสลายวิญญาณ จากเผ่าพันธุ์แห่งความมืด การถ่ายทอดพลังชีวิตเข้าไปเพียงอย่างเดียวรักษาเขาไม่ได้หรอก จะต้องแก้ไขที่ต้นเหตุเท่านั้น ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ คุณรักษาได้หรือเปล่า ” จ้าวเทียนรีบถามขึ้นทันที เขานึกเสียใจมากที่ไม่ได้พาพวกโซเฟียมาด้วย ถ้าใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของโลกแห่งแสง คำสาปพวกนี้พริบตาเดียวก็สลายไปได้แล้ว
เรื่องการทลายนภาของต้วนมู่เฉียนนั้นมีความสำคัญมาก จ้าวเทียนจึงพาแค่คนของตัวเองมาเท่านั้น ซึ่งก็คือลี่เหยาเหยา กงเสี่ยวเหมย เฉินจิ้ง เจนนี่ โม่ซินหนาน โม่ปิงหยูและผู้ฝึกตนระดับเซียนอีกแปดคนในหน่วยรบพิเศษเซียนเทียน
ส่วนเทพกระบี่และยอดฝีมือคนอื่นที่มาจากโลกหมิงหลง นั้นยังมีภารกิจที่ต้องจับตาดูศัตรูที่จุติลงมาจากแดนสวรรค์ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยง่าย
“ เอาเถอะ…ยังไงซะ ต้วนมู่เฉียนก็เคยช่วยเหลือฉันมาก่อน นี่ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณ ไม่ได้ผิดกฎที่ตั้งเอาไว้ ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับคว้าฝ่ามือออกไป
ครืนนน!
ก้อนลูกไฟสีดำขนาดเท่าผลส้ม ถูกเทพมังกรอ๋าวเฟิงกระชากออกมาจากกลางหน้าผากของต้วนมู่เฉียน ถึงแม้มันจะพยายามดิ้นรนและเผาผลาญฝ่ามือของเขาอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้
“ บังอาจ! เจ้ากล้ามาแย่งชิงเครื่องสังเวยของเทพมารบาโซมุนผู้ยิ่งใหญ่งั้นรึ ”
ลูกไฟสีดำได้เปลี่ยนเป็นลูกตาขนาดใหญ่ที่มีปีกหกปีกอยู่ด้านหลัง มันขู่คำรามอย่างน่ากลัว แล้วปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลที่เหนือกว่าขีดจำกัดของโลกใบนี้ออกมา ทำให้พวกโม่ปิงหยูได้รับผลกระทบในทันที
“ เหอะ! ต่อให้ร่างจริงของแกมาอยู่ตรงหน้า ฉันยังขี้เกียจจะสนใจเลยด้วยซ้ำ ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูก อีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพโลกาขั้นสามเท่านั้น กล้าดีอย่างไรมาอวดดีต่อหน้าเขา
บูมม!
เพียงแค่เขาบดขยี้ฝ่ามือเบาๆ ร่างจำแลงของเทพมารก็แตกสลายไปทันที โดยไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะต่อต้านด้วยซ้ำ เพราะพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างจนเกินไป
จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าด้วยความพอใจ เท่านี้โม่ปิงหยูก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้ต้วนมู่เฉียนได้แล้ว
“ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยทางฝั่งเฉินจิ้งก่อน ส่วนสี่คนที่มาใหม่นั้นฝากพวกเธอด้วยนะ พวกเราจะต้องปกป้องประตูเซียนเอาไว้ให้ได้ ”
“ ตกลง ตรงนี้ปล่อยให้พวกฉันจัดการเอง นายรีบไปเถอะ ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ ช่วงเวลาเจ็ดวันที่ผ่านมา ตัวเธอก็ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ทั้งยังทดสอบฝีมือกับกงเสี่ยวบ่อยๆ ทำให้มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าอดีตอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนนั้น ขอเพียงต่อสู้ดูเดี๋ยวก็รู้ได้เอง รับรองเลยว่าจ้าวเทียนจะต้องแปลกใจแน่นอน
“ ระวังตัวด้วย ฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันเจือจาง ของสายเลือดทวยเทพแห่งยุคบรรพกาลจากปลาหมึกตัวนั้น ” เทพธิดาซวนเฉวียนปรากฏตัวขึ้นพูดเตือนจ้าวเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ เป็นแบบนั้นเองสินะ ” จ้าวเทียนไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นผู้ถูกเลือกของเทพมังกรเช่นกัน ย่อมต้องมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว
ฟุ่บ!ๆๆๆ
คนอื่นๆยกเว้นโม่ปิงหยู ต่างก็พุ่งตัวออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูของตนเองทันที
ในเวลาเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน