จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 411

หลิวจงเสียนเหม่อมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าแข็งค้าง ถึงแม้จะรู้จากปากของศิษย์น้องตน ว่าชายคนนั้นเป็นบิดาบุญธรรมของท่านอาจารย์ แต่ภาพชีวิตนับล้านถูกปลิดปลงในเวลาไม่กี่ลมหายใจมันน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป

‘ ร่างอวตารของอาจารย์ปู่ มีพลังเทพโลกาขั้นหกเท่ากับข้าไม่ใช่เหรอ เหตุใดความแข็งแกร่งถึงแตกต่างกันเพียงนี้ ’

ถ้าให้หลิวจงเสียนทุ่มสุดตัว ใช้เคล็ดวิชาไม้ตายโจมตีเข้าใส่กองทัพทหารเทพหนึ่งล้านคน โดยที่อีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ตอบโต้ เขาก็รู้ตัวดีว่าคงสังหารได้ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น

เนื่องจากทหารฝ่ายศัตรูที่มาในวันนี้ อย่างต่ำสุดก็มีพลังอยู่ในขอบเขตแดนเทพขั้นกลางเข้าไปแล้ว ยังไม่รวมอาวุธเครื่องป้องกันที่พวกเขาสวมใส่ซึ่งอยู่ในระดับครึ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และยังมีความพิเศษตรงที่เมื่ออยู่ใกล้เคียงกัน จะเพิ่มคุณสมบัติขึ้นเป็นสองเท่าอีกด้วย

นี่จึงเป็นเหตุผล…ที่กองทัพเทพสงครามของวังสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดกองกำลังอันดับหนึ่งแห่งยุค

ในเวลาเดียวกัน

หลังการโจมตีระลอกแรกของโฮ่วอี้จบลง เขาก็ประสานร่างกายเข้ากับมิติโดยรอบและหายตัวไปอีกครั้ง ทำให้นาจาที่เร่งรุดมาด้วยความโกรธแค้น ได้แต่กู่ร้องออกมาอย่างขัดใจด้วยความเดือดดาล

“ เจ้าสุนัขลอบกัด ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้! ”

บูมมมม!

คลื่นพลังอันแข็งแกร่งกวาดออกไปยังอาณาเขตหลายหมื่นกิโลเมตรโดยรอบ บดขยี้ทุกอย่างในเส้นทางจนกลายเป็นเถ้าธุลี ไม่เว้นแม้แต่กำแพงมิติที่ยุบตัวสลายไปในพริบตา

ส่วนทหารเทพที่ได้รับบาดเจ็บและซากศพของผู้ตาย ได้ถูกหลี่จิ้งใช้เจดีย์เจ็ดชั้นดูดเข้าไปเก็บไว้ก่อนหน้า เลยไม่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

ทันใดนั้น

“ เด็กน้อย เจ้าโจมตีไปทางไหนกัน ”

!!

ร่างของโฮ่วอี้ปรากฏขึ้นด้านหลังกองทัพของนาจาตรงประตูทิศใต้ พร้อมกับยิงเกาทัณฑ์ออกไปทันที

“ เขตแดนสังหาร หมื่นเกาทัณฑ์ทะลวงใจ! ”

สวบ!

ภาพเหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง กองทัพเทพสงครามอันโด่งดัง ได้ถูกคลื่นหนามแหลมคมสีดำเข้ากลืนกิน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังสะท้อนไปทั่ว เกือบสามแสนชีวิตดับสูญไปในคราเดียว

แม้ว่าการสูญเสียจะไม่มากเท่าครั้งแรก เพราะทหารเทพทุกคนได้เตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อน แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจโดยรวมต่อกองทัพทั้งหมดอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะ นาจาที่รู้ตัวว่าหลงกลแผนล่อเสือออกจากถ้ำของฝ่ายตรงข้าม จึงรีบเร่งรุดกลับไปยังกองทัพตนทันที

“ มันสายไปแล้วนาจา ศัตรูหลบหนีไปแล้ว ตอนนี้พวกเราคงไม่อาจใช้แผนการปิดล้อมโจมตีได้อีก รีบสั่งให้กองกำลังทั้งหมดมารวมตัวกับทัพใหญ่ที่ประตูทิศเหนือเดี๋ยวนี้ ” หลี่จิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลายพันปีแล้วที่ไม่ได้รู้สึกกดดันขนาดนี้

‘ ช่างเป็นศัตรูที่เคี้ยวยากจริงๆ ใช้การลอบสังหารข้าเพื่อดึงให้ขุนพลแข็งแกร่งมารวมตัวกันที่ทัพหลัก จากนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมายไปจัดการกองกำลังที่ขาดยอดฝีมือดูแล ดูท่าคงมีจุดประสงค์ที่จะคลี่คลายสถานการณ์ให้สำนักดาราสวรรค์ตั้งแต่แรก ’

‘ เห็นทีต้องหยุดการโจมตีค่ายกลเอาไว้ก่อน จนกว่าจะหาทางจัดการศัตรูลึกลับที่หลบซ่อนตัวอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นทัพแกร่งของข้าถูกมันสังหารไม่เหลือแน่ ’

ข้อดีของหลี่จิ้งก็คือ ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด เขาก็จะพิจารณาจุดประสงค์ของศัตรูอย่างรอบคอบ แล้วตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างใจเย็น ไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ

“ ข้าทราบแล้วท่านพ่อ ” นาจาตอบกลับแบบไม่เต็มใจนัก ตัวเขาเป็นถึงเทพนักรบผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามจูงจมูกเอาแบบนี้ มันน่าอับอายเกินไป

เพียงครู่เดียว กองทัพเทพสงครามที่เหลือทั้งหมด ก็เคลื่อนย้ายมารวมกันตรงประตูทิศเหนือของสำนักดาราสวรรค์

ทั้งยังตั้งขบวนป้องกันอย่างแน่นหนา โดยมีทหารที่ถือโล่ตาข่ายฟ้ายืนอยู่แถวหน้าเพื่อต้านทานการโจมตีทั้งหมด

“ ไท่ซ่างเหล่าจิน จากที่ข้าลองสังเกตดู คนผู้นี้น่าจะบรรลุแก่นแท้มิติเวลาในระดับที่สูงมาก ด้วยความสามารถอันต่ำต้อยของข้าเพียงผู้เดียว คงไม่อาจจัดการเขาและปฏิบัติภารกิจต่อจนเสร็จสิ้นแน่นอน ”

ถึงแม้หลี่จิ้งจะไม่บอกออกมาตรงๆ แต่ก็สื่อเจตนาชัดเจนว่ากำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทำให้ไท่ซ่างเหล่าจินต้องคล้อยตามอย่างไม่มีทางเลือก

เพราะหากภารกิจที่มหาเทพอวี่หวงให้ความสำคัญเกิดล้มเหลวขึ้นมา ผู้ที่ต้องรับผิดชอบอาจไม่ใช่แค่แม่ทัพใหญ่เพียงคนเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน