หลังจากที่หลงซูฉีได้อธิบายรายละเอียด เกี่ยวกับพิธีการคัดเลือกผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษซิงหลงเสร็จเรียบร้อย
เธอก็พาคนของเธอกลับไป…
ตอนนี้เหลือเพียงพวกจ้าวเทียนที่นั่งประชุมกันต่อด้วยท่าทีเป็นกังวล เพราะเรื่องนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับพวกเขา
ผู้บัญชาการที่ควบคุมกองกำลังผู้เชี่ยวชาญ 250 คนงั้นเหรอ…
ไม่แปลกใจเลยที่ปู่ของหลงซูฉีพูดจาดูถูกตระกูลลี่ออกมา…
เพราะตระกูลลี่มีผู้เชี่ยวชาญเพียง 3 คนเท่านั้น…
“ พวกเราจะตัดสินใจอย่างไรดี ” ลี่ตงไห่หันไปถามจ้าวเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คนอื่นที่อยู่รอบๆก็หันไปรอการตัดสินใจของจ้าวเทียนเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาได้ยกให้จ้าวเทียนเป็นผู้นำไปเรียบร้อยแล้ว
จ้าวเทียนที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ จากข้อมูลที่หลงซูฉีบอกมา…ในครั้งนี้ท่านผู้นำต้องการเพิ่มจำนวนสมาชิกหน่วยรบพิเศษแต่ละหน่วยเป็น 500 คน โดยให้ผู้บัญชาการแต่ละหน่วยเป็นผู้คัดเลือกเอง ”
“ ส่วนหน่วยพิเศษซิงหลงนั้น เนื่องจากตำแหน่งผู้บัญชาการว่างอยู่ เลยให้ผู้ท้าชิงตำแหน่งแข่งขันกันเอง ด้วยการซ้อมรบเสมือนจริง ”
“ โดยที่ผู้ท้าชิงต้องใช้กองกำลังของตัวเอง 250 คนเข้าต่อสู้กัน ฝ่ายที่ชนะจะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ และกองกำลังทั้ง 250 คนที่เข้าร่วมต่อสู้ จะถูกบรรจุเข้าหน่วยรบพิเศษทันที ”
“ แต่ตอนนี้ฝ่ายของผู้นำตระกูลหลงมีผู้ที่สามารถเข้าร่วมได้เพียง 100 คนเท่านั้น นั่นหมายถึงพวกเราจะต้องหามาอีก 150 คน ซึ่งคุณสมบัติจำกัดที่นักสู้ระดับ 9 ขึ้นไป ”
“ ในการซ้อมรบครั้งนี้ ปรมาจารย์ก็สามารถเข้าร่วมได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่หลงซูฉีต้องมาหาพวกเรา ”
“ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ…บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของพวกเราก็ได้ ”
จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีความกดดันแม้แต่น้อย ซึ่งได้สร้างความแปลกใจให้คนรอบๆเป็นอย่างมาก
มีเพียงแค่ลี่เหยาเหยาที่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เธอจึงมองไปที่จ้าวเทียนด้วยรอยยิ้มรู้ทัน ซึ่งนั่นก็อยู่ในสายตาของกงเสี่ยวเหมยที่นั่งข้างๆ
“ เหยาเหยาเธอรู้อะไรบางอย่างเหรอ ” กงเสี่ยวเหมยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกสายตามองมาที่ลี่เหยาเหยาทันที
ลี่เหยาเหยาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“ เอ่อ…คือ ”
เธอรีบส่งสายตาไปทางจ้าวเทียน เพื่อสื่อความหมายให้เขารีบอธิบายออกมาได้แล้ว
ทำไมนายถึงชอบทำเป็นอมภูมิอยู่เรื่อยเลย…
จ้าวเทียนมองท่าทีงอนๆของลี่เหยาเหยาด้วยความขบขัน
“ ก่อนหน้านี้…ผมมีความคิดที่จะสร้างขุมกำลังของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งได้มอบหมายให้เฉินจิ้งไปคัดเลือกคนที่มีความสามารถและไว้ใจได้มาเข้ารับการฝึก ”
“ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้สมบัติล้ำค่าต่างๆมาจากพวกห้าตระกูล ผมกับลี่เหยาเหยาเลยจะร่วมมือกันสร้างพื้นที่ฝึกฝนขนาดใหญ่ ที่สามารถดึงดูดพลังปราณฟ้าดินจำนวนมหาศาลได้ ”
“ ส่วนสถานที่สำหรับใช้ฝึกฝน…ผมก็ได้เลือกเอาไว้แล้วนั่นคือหมู่เกาะตรงทะเลสาบมรกต ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ”
“ การจะฝึกผู้เชี่ยวชาญออกมาแค่ 150 คน มันไม่ใช่ปัญหาเลย ”
สิ่งที่จ้าวเทียนพูดออกมานั้นได้ทำให้สีหน้าคนที่อยู่รอบๆเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะลี่ตงไห่กับกงไป๋ฮวา ทั้งสองคนมีท่าทีเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
จ้าวเทียนที่ได้เห็นแบบนั้นก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย
“ ไม่ต้องห่วงครับ…ผมมีที่ว่างไว้สำหรับคนของตระกูลลี่และตระกูลกงเรียบร้อยแล้ว ” เมื่อเขาพูดจบก็ได้หันไปมองทางลุงซุยเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้
“ เธอไม่ต้องมองลุงหรอก…ตระกูลของลุงไม่ได้มีคนมากนัก ไม่ต้องเผื่อที่ว่างให้ลุงก็ได้ ถือซะว่าเฉินจิ้งเป็นตัวแทนของตระกูลซุยก็แล้วกัน ” ลุงซุยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ ถ้าเป็นแบบนั้น…ผมจะให้ตระกูลลี่และตระกูลกงคัดเลือกผู้ชายอายุไม่เกิน 20 ปี และอยู่ในระดับสูงกว่านักสู้ระดับ 5 ขึ้นไป มาตระกูลละ 40 คนก็แล้วกันครับ ” จ้าวเทียนพูดสรุปขึ้น
“ ปู่ขอถามหน่อยได้ไหม…ทีแรกหลานต้องการจะสร้างขุมกำลังของตัวเองเพื่ออะไรเหรอ ” ลี่ตงไห่ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ เพื่อใช้สู้กับตระกูลจ้าวครับ…รวมทั้งพวกสำนักโบราณที่จะออกมาในอีกสองเดือนด้วย ” จ้าวเทียนตอบ
จากนั้นเขาก็ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสำนักโบราณที่ได้ฟังมาจากเหยียนซืออู่ให้คนอื่นฟัง ซึ่งทุกคนก็มีท่าทีกังวลทันที เมื่อได้รู้ถึงขุมกำลังของสำนักโบราณ
“ เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนอยู่กันครบ…ผมจะปรับเปลี่ยนรายละเอียดเรื่องงานประมูลบางส่วน ”
“ โดยจะเพิ่มเคล็ดวิชาระดับตำนานเข้าไปด้วย 2 วิชา และระดับปรมาจารย์อีก 3 วิชา ซึ่งเคล็ดวิชาระดับตำนานนั้นจะไม่ซื้อขายเป็นเงิน แต่จะขอแลกกับสมบัติล้ำค่าแทน ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวเทียนบอก ลี่ตงไห่ก็ได้พูดขึ้นมาทันที
“ หรือว่า…หลานต้องการจะให้ตระกูลชั้นสูงทั้งสี่เข้าร่วมการประมูลด้วยเหรอ ”
“ ใช่แล้วครับ…ตัวผมเองก็จะปลอมตัวเป็นยอดฝีมือเข้าร่วมการประมูลด้วย ผมต้องการหยั่งเชิงขุมกำลังของตระกูลพวกนั้น ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน