เทือกเขาคุนหลุน
ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า แสงแดดอ่อนๆและธรรมชาติที่สวยงามทำให้บรรยากาศน่ารื่นรมย์เป็นอย่างมาก
จ้าวเทียนกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อมาตามหาท่านตาของเขา
เพียงแต่ว่า…
รอบนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว…
“ สถานที่แห่งนี้มีจิตวิญญาณหนาแน่นและบริสุทธิ์มาก เหมาะให้เหยาเหยายกระดับเป็นปรมาจารย์จริงๆ ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้นอย่างมีความสุข
“ ฉันรู้สึกว่าสามารถดูดซับพลังจิตวิญญาณได้ง่ายขึ้นมากเลย…มันมีประสิทธิภาพกว่าตอนที่อยู่ตระกูลลี่หลายเท่า ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้น หลังจากที่ลองใช้เคล็ดวิชาดูดซับพลังจากสมบัติล้ำค่าที่เธอนำติดตัวมาด้วย
เพื่อที่จะทำตามแผนการของจ้าวเทียน เธอจะต้องกลายเป็นปรมาจารย์ให้ได้ก่อนถึงวันงานประมูล นี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอตามจ้าวเทียนมาด้วย
“ อาจารย์คะ…หนูสัมผัสได้ถึงสมุนไพรวิญญาณด้วย พวกเราจะไปเก็บมันไหม ” โม่ปิงหยูเองเมื่อรู้ว่าจ้าวเทียนจะออกไปเที่ยวกับลี่เหยาเหยา เธอก็ขอตามออกมาด้วย
เพราะต้องการใกล้ชิดกับซูเปอร์สตาร์คนโปรด…
ซึ่งจ้าวเทียนก็อนุญาตเพราะเห็นว่าการที่มีโม่ปิงหยูอยู่ใกล้ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยกระดับของลี่เหยาเหยา
ส่วนโม่ซินหยานนั้นมีหน้าที่ปกป้องจ้าวหยูเหมยเลยไม่ได้ตามมาด้วย
“ เอาล่ะ…ตำแหน่งนี้น่าจะดีที่สุด ส่งของพวกนั้นมาสิ เดี๋ยวฉันจะวางค่ายกลรวบรวมจิตวิญญาณให้เธอเอง ” จ้าวเทียนหันไปบอกลี่เหยาเหยา ซึ่งเธอก็ส่งของที่นำมาให้ทันที
“ ปิงหยูมานั่งตรงนี้ก่อน…แล้วใช้เคล็ดวิชาอมตะที่อาจารย์สอนนะ ” จ้าวเทียนเริ่มใช้ของที่เตรียมมาวางค่ายกลทันที
วูป!
เมื่อโม่ปิงหยูเริ่มใช้เคล็ดวิชาอมตะ กลิ่นอายพลังชีวิตอันหนาแน่นก็ได้ระเบิดออกมา ทำให้พืชพันธุ์ทั้งหลายที่อยู่ใกล้ๆเริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จ้าวเทียนรีบฉวยจังหวะนี้วางค่ายกลจนเสร็จ…
“ เริ่มเถอะ! ”
วี้ดดด!
พายุหมุนพลังงานถูกดูดเข้าไปในร่างของลี่เหยาเหยาที่นั่งอยู่ตรงใจกลางของค่ายกล แสงสีทองอ่อนที่เปล่งประกายออกมาจากตัวของเธอ มันค่อยๆชัดเจนขึ้น
เงาร่างจำแลงของเทพธิดาสวรรค์ ปรากฏขึ้นด้านหลังของลี่เหยาเหยา นี่เป็นลักษณะของการกลั่นพลังจิตวิญญาณควบแน่นเป็นรูปร่าง
“ กลิ่นดอกไม้สวรรค์นี่มาจากร่างกายของเธองั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความสงสัย เวลานี้กลิ่นหอมหวนของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
มันได้ดึงดูดสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่บนภูเขาแห่งนี้ให้เขามาใกล้ แต่เพราะค่ายกลที่ถูกวางเอาไว้ ทำให้พวกมันถูกกันไว้ในรัศมี 10 เมตรรอบตัวลี่เหยาเหยา
วูป!
ร่างของเทพธิดาตัวจิ๋วทอแสงสีทองขึ้น สามารถมองเห็นแก่นแท้ดวงจิตเทพในร่างของเธอเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความหวังในการสร้างร่างทิพย์ของเธอได้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น
“ เอาล่ะ…เท่านี้ก็แค่รอจนถึงตอนที่พวกเธอฝึกฝนเสร็จ ” จ้าวเทียนได้เดินถอยออกมาจากค่ายกล
“ ตอนนี้…คงถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกันแล้วใช่ไหมครับ ”
“ ท่านตา… ”
จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยความจริงใจ เขามองตรงไปยังกิ่งของต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่สูงขึ้นไปกว่าสิบเมตร
วูป
ร่างของชายวัยกลางคนที่คุ้นตา ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
“ หลาน…รู้แล้ว ” เหยียนซืออู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ ใช่ครับ…ท่านตาพอจะบอกผมได้ไหม ทำไมถึงไม่บอกความจริงกับผมตั้งแต่แรก ” จ้าวเทียนถามขึ้น
เฮ้ออ
“ ตาไม่อยากดึงหลานเข้ามาเกี่ยวด้วย…ศัตรูของตานั้นน่ากลัวเกินไป อีกทั้งตอนนี้ตัวของตาก็เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว ” เหยียนซืออู่ตอบด้วยเสียงอ่อนแรง
“ ขอผมตรวจดูอาการของท่านตาได้ไหมครับ ” จ้าวเทียนพูดด้วยความจริงใจ ด้วยความรู้ของเขาไม่น่ามีปัญหากับการรักษาอาการบาดเจ็บในโลกมนุษย์
เหยียนซืออู่ยืนมองหลานชายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเหยียบอากาศลงมา
“ ลองดูสิ ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แล้วยื่นข้อมือมาให้จ้าวเทียนลองตรวจสอบดู
!!
“ นี่มัน…พิษมารกร่อนกระดูก ” จ้าวเทียนมีสีหน้าตกใจ
อาการของท่านตาหนักหนากว่าที่เขาคิด หากรีบรักษาตั้งแต่เมื่อแปดปีก่อน อาจจะพอมีหวัง แต่ตอนนี้…
เมื่อเหยียนซืออู่มองเห็นท่าทางเป็นกังวลของจ้าวเทียน ก็ได้พูดขึ้น
“ ตารู้ตัวดี…ตอนนี้การจะรักษามันคงสายไปแล้วใช่ไหม ”
ตอนนี้จ้าวเทียนกำลังมีความคิดขัดแย้งภายในใจ
ในที่สุดก็ได้มีโอกาสเจอญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วเขากลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยงั้นเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน