ณ มหาวิหารต้นกำเนิดเผ่ามาร
จ้าวเทียนกับโฮ่วอี้ที่สวมชุดคลุมสีดำปิดปังตัวตน ได้ยืนรอการมาถึงของราชันมารผู้ชนะสงครามอย่างใจเย็น พวกเขาได้นัดแนะวางแผนเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว
“ จงจำไว้ ถ้าไม่จำเป็นก็ห้ามเปิดเผยพลังออกไปเด็ดขาด การหลอมรวมกับไข่นางพญาแมลงมารกลืนวิญญาณ มันก็แค่ช่วยเหลือเจ้าในการปลอมแปลงตัวตนเท่านั้น หากเจ้าใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ออกไปทุกอย่างเป็นอันจบสิ้นทันที ”
“ เข้าใจแล้ว ฉันจะระวัง ” จ้าวเทียนพยักหน้ารับเบาๆ หลังจากนี้โฮ่วอี้จะเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้านนอก มีเพียงตัวเขาที่เข้าไปค้นหาคลังสมบัติลับด้านใน
ซึ่งขั้นตอนทุกอย่างจะเริ่มต้นในยามที่พิธีกรรมจบลงแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองเทพมารต่างภพเข้ามาแทรกแซงได้
หืม! เสียงนี้…
ตึง!ๆๆๆ
ห่างออกไปสุดสายตา ราชันวานรมารแปดกรเดินย่ำเท้าเข้ามาอย่างองอาจ ด้วยขนาดตัวใหญ่โตมโหฬาร ทุกการก้าวเดินของมันก็ทำให้พื้นปฐพีสั่นสะเทือน เม็ดทรายสีแดงระเบิดขึ้นสูงราวกับถูกพายุกวาดออกไป
“ สุดท้ายผู้ชนะก็เป็นมันจริงๆ นอกจากจะจับตัวศัตรูได้แล้ว ยังสามารถดูดกลืนกำลังพลอีกฝ่ายเกือบทั้งหมดมาได้อีก ”
โฮ่วอี้มองราชันมารตรีเนตรที่ถูกจับกุมตัวไว้ กับกองทัพมารหลายสิบล้านตนที่พุ่งทะยานตามหลังวานรยักษ์มาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดิมทีเขาคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะเข่นฆ่าจนแทบไม่มีเหลือ ไม่นึกเลยว่าจะจบลงที่การยอมจำนนแบบนี้
“ มารโลการะดับสูงหลายสิบตน ระดับกลางและระดับต่ำร่วมพัน ที่เหลือก็เป็นขอบเขตแดนมารนับล้านเลยงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาทันที
จากที่เห็น ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกองกำลังฝ่ายมาร ดูจะเหนือกว่าสามขุมกำลังชั้นยอดบนแดนสวรรค์รวมกันเสียอีก สมแล้วที่เป็นรากฐานของราชันเทพมารอเวจี ผู้เคยประกาศสงครามกับทั้งสามภพ
ในเวลาเดียวกัน
ทางด้านราชันวานรมารแปดกรเมื่อได้เห็นโฮ่วอี้กับจ้าวเทียนยืนรออยู่ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เนื่องจากอีกฝ่ายได้ประกาศตัวไว้ตั้งแต่แรก ว่าจะมาเป็นสักขีพยานในพิธีกรรมอันทรงเกียรติตอนสุดท้าย
“ ตรีเนตร ข้ารู้สึกไม่ไว้วางใจพวกมันซักเท่าไหร่ เจ้าได้ตรวจสอบความจริงกับทางเทพอสูรป๋อฮั่นแล้วหรือยัง ”
“ เรียนนายท่าน ลูกสมุนของข้าที่โลกมารรายงานกลับมาว่า เทพอสูรป๋อฮั่นกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฝึกฝน ประกาศไม่ขอต้อนรับผู้ใดทั้งสิ้น ” ราชันมารตรีเนตรตอบกลับไปด้วยท่าทีอ่อนน้อม
ตั้งแต่ที่พ่ายแพ้ในศึกชิงตำแหน่ง ตัวมันก็ยินยอมถูกทำพันธสัญญาทาสเอาไว้เพื่อรักษาชีวิต จึงไม่อาจต่อต้านอีกฝ่ายได้
“ เทพอสูรป๋อฮั่นเก็บตัวงั้นรึ จะบังเอิญเกินไปรึเปล่า ” ราชันวานรมารแปดกรยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ แล้วเปลี่ยนไปสนทนาเรื่องอื่นแทน
‘ ยังไงซะ พิธีกรรมก็ถูกจัดขึ้นในวิหารต้นกำเนิดมาร คงไม่มีใครหน้าไหนกล้ารนหาที่ตายหรอก ’
ผ่านยี่สิบนาที กองทัพขนาดใหญ่ก็ได้มาตั้งขบวนอยู่ด้านหน้าวิหาร โดยมีมารโลการะดับสูงยืนอยู่แถวหน้าสุด จากนั้นก็เป็นมารโลการะดับกลาง ระดับต่ำ ลดหลั่นลงไปเรื่อยๆตามลำดับความแข็งแกร่งและยศทางกองทัพ
ส่วนราชันวานรมารแปดกรนั้นได้กลับคืนมาอยู่ในขนาดเดิมเป็นที่เรียบร้อย เขายืนอยู่ด้านหน้าสุดโดยมีราชันมารตรีเนตร ยืนก้มหน้าอยู่ใกล้ๆเหมือนเป็นผู้รับใช้
“ ช่างเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งจริงๆ ” โฮ้วอี้แสร้งเอ่ยชมขึ้น ก่อนจะหันไปแสดงความยินดีกับราชันวานรมารแปดกรที่คว้าชัยมาได้
แม้จะยังรักษาท่าทีแข็งกระด้างอยู่ แต่สำเนียงการพูดของเขาก็ดูอ่อนลงกว่าเดิม ทำให้อีกฝ่ายลดความเป็นศัตรูลงมาไม่น้อย
‘ ไม่นึกเลยว่า แม้แต่เผ่ามารที่ในหัวมีแต่ฆ่าฟันกับทำลายล้าง ก็ยังรู้จักผูกมิตรหาเส้นสายเพื่อเพิ่มขุมอำนาจเช่นเดียวกับมนุษย์ ’
จ้าวเทียนถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายคุยกันได้ไม่นาน ก็เริ่มเรียกพี่เรียกน้องได้อย่างสนิทปาก
โดยเฉพาะราชันวานรมารที่ดูจะให้ความสนใจโฮ่วอี้พิเศษ คล้ายต้องการใช้เขาเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์กับเทพอสูรป๋อฮั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน