จ้าวเทียนในตอนนี้ กำลังล่องลอยอยู่ในจักรวาลอันดำมืดอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งที่ตรงหน้าเขาก็มีดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ถึงเก้าดวง เรียงต่อกันเป็นแนวเส้นตรง มันเปล่งกระกายเจิดจ้าสาดแสงอันร้อนแรง ราวกับสามารถเผาไหม้สรรพสิ่งเป็นจุล
ทันใดนั้น
ครืนนน! แวบ!
ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงได้หลอมรวมตนเองเปลี่ยนเป็นบุรุษเก้าคน ซึ่งแต่ละคนก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพปกคลุมทั่วจักวาล
ถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่ต้องมีใครบอก จ้าวเทียนก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเจตจำนงของจักรพรรดิหมื่นตะวันทั้งเก้ารุ่น ที่ได้ใช้วิธีการบางอย่างหลอมรวมเข้ากับคลังสมบัติลับกลายเป็นจิตวิญญาณประดิษฐ์
“ ผู้สืบทอดรุ่นที่สิบเอ๋ย จงพิสูจน์คุณสมบัติของเจ้าให้พวกข้าเห็น ”
เก้าจักรพรรดิได้เปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน เกิดเป็นกฎแห่งเปลวเพลงระดับสูงสุดผูกมัดทั้งจิตวิญญาณและร่างกายของจ้าวเทียนเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้ไม่อาจใช้พลังอื่นนอกเหนือจากเคล็ดวิชาหมื่นตะวันได้
‘ เริ่มต้นมา ก็ไม่เปิดโอกาสให้เจรจาต่อรองเลยงั้นเหรอ ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลาของฉันเหมือนกัน ’
นี่ราวกับเป็นบททดสอบแรกที่จ้าวเทียนต้องเผชิญ หากเขาสามารถผ่านมันไปได้ก็จะบรรลุแก่นแท้แห่งเปลวเพลิงขั้นกลางทันที ในทางกลับกันหากเขาล้มเหลวก็จะถูกกักขังเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ตลอดกาล
ในเวลาเดียวกัน
ด้านนอกวิหารต้นกำเนิดมาร ในขณะที่เหล่าแม่ทัพขุนพลมารเริ่มแบ่งปันเขตปกครองตามข้อตกลง โฮ่วอี้ก็ได้แยกตัวออกมาจากกองทัพของสองราชันมารแต่เพียงผู้เดียว
อาจเป็นเพราะสถานะและท่าทีอันแข็งกร้าวของเขาในตอนแรก ทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเข้าหา แม้แต่ตัวราชันมารตรีเนตรเองก็ยัง พยายามรักษาระยะอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น
บูมมม!
เกิดเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากยอดวิหาร มันได้เชื่อมต่อกับท้องฟ้าสีแดง เหมือนกับเสาขนาดยักษ์ ที่สามารถมองเห็นได้จากทุกที่ภายในหลุมอเวจีชั้นสิบแปด
นี่คือพิธีกรรมเข้ารับตำแหน่งของราชันมารผู้ปกครองหลุมอเวจีคนใหม่ โดยการบูชาโลหิตตนเองให้เทพมารต่างภพ พร้อมทั้งเชื่อมจิตวิญญาณเข้ากับแท่นบูชาในวิหารต้นกำเนิด เพื่อพิสูจน์ศักยภาพตัวเอง
ยิ่งเกิดปรากฎการณ์อันน่าตื่นตระหนกมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถมากเท่านั้น
“ มันเริ่มแล้วสินะ องค์ราชันวานรมารช่างแข็งแกร่งจริงๆ ถึงทำให้เกิดลำแสงขนาดใหญ่แบบนี้ ”
“ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นถึงอัจฉริยะในรอบหมื่นปีของเผ่าพันธุ์วานรมาร ที่สามารถปลุกสายเลือดบรรพกาลได้ ”
“ หากวัดจากปริมาณพลังที่วิหารต้นกำเนิดปลดปล่อยออกมา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของท่าน น่าจะติดยี่สิบอันดับแรกในช่วงระยะเวลาหนึ่งล้านปีที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอน ”
คำพูดยกย่องชื่นชมราชันวานรมารแปดกร จากพวกแม่ทัพขุนพลมารดังขึ้นไม่ขาดสาย เป็นเหตุให้ราชันมารตรีเนตรต้องกำหมัดแน่นด้วยความโกรธปนอาย เพราะรู้ดีว่าตนเองคงเทียบอีกฝ่ายไม่ติด
‘ หืม จ้าวเทียนเปิดใช้ค่ายกลที่ข้าให้ไปแล้วงั้นรึ คงตัดสินใจช่วยชีวิตสตรีนางนั้นด้วยสินะ ’
โฮ่วอี้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเฉยชา เหมือนไม่ได้นึกโทษจ้าวเทียนแม้แต่น้อย เพราะถ้าเป็นตัวเขาเองก็คงเลือกทำแบบเดียวกัน
เส้นทางของผู้ฝึกตนนั้น มีชะตากรรมจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคขวากหนามมากมาย ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการไม่สูญเสียเจตจำนงของตัวเอง
หากจ้าวเทียนยอมทำเรื่องชั่วร้าย สังหารสตรีมีครรภ์พร้อมกับทารกที่ไร้ความผิดเพื่อบรรลุจุดประสงค์ของตนเอง มันก็จะกลายเป็นตราบาปและจิตมารติดตัวเขาไปชั่วชีวิต
และเมื่อสูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็อย่าหวังเลยว่าจะก้าวข้ามตัวตนในอดีต บรรลุสู่จุดสูงสุดแห่งวิถีเซียนในอนาคตได้
‘ เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ากล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด อาจารย์ปู่อย่างข้าก็จะส่งเสริมอุดมการณ์ของเจ้าเอง ’
วูป!
บนฝ่ามือโฮ่วอี้ปรากฏเม็ดโอสถสีดำขึ้นมาหนึ่งเม็ด นี่คือโอสถ อสนีบาตทะยานเก้าชั้นฟ้า มันเป็นโอสถโบราณต้องห้าม ที่จะทำให้ร่างแยกของเขาสามารถระเบิดพลังเทพโลกาขั้นเก้าระดับสูงสุดออกมาได้ชั่วคราว โดยแลกเปลี่ยนกับพลังชีวิตเกือบแปดส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน